ปณ.ไทย รับผิด ปม หนุ่มชวดรายงานตัว ด้าน ไปรษณีย์บ้านฝาง แจงสาเหตุส่งช้า
ปณ.ไทย รับผิด ปม หนุ่มชวดรายงานตัว ด้าน ไปรษณีย์บ้านฝาง แจงสาเหตุส่งช้า ปณ.ไทย รับผิด ปม หนุ่มชวดรายงานตัว ด้าน ไปรษณีย์บ้านฝาง แจงสาเหตุส่งช้า
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Sadit Kruangjumpa” โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับกรณี ไปรษณีย์บ้านฝาง ไม่ส่งจดหมายจากทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงาภูเก็ต ระนอง จนไม่ได้ไปรายงานตัวตามกำหนด หลังจากที่ตัวเองสอบบรรจุรับราชการครูได้ โดยระบุข้อความว่า
กระผม นายศดิศ เครื่องจำปา ขอประณามความผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ของที่ทำการไปรษณีย์บ้านฝาง จ.ขอนแก่น จากกรณีไม่นำส่งหนังสือราชการเรียกรายงานตัว โดยที่บุคลากรมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ดังนี้
- เพิกเฉย/ละเว้น ต่อการปฏิบัติหน้าที่ (จดหมายตกค้าง 16 ฉบับ)
- ปลอมแปลงลายมือชื่อ
- พูดเท็จไม่ตรงสภาพความเป็นจริง (อ้างอิงกล้องวงจรปิด)
- ละเลยและไม่ให้ความร่วมมือในการพิสูจน์ความถูกต้อง ทำให้เกิดความเสียหายทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
เหตุนี้กระผม นายศดิศ เครื่องจำปา ไม่ได้เข้ารับการรายงานตัวตามวันเวลาที่กำหนดและมีโอกาสถูกตัดสิทธิ์ เบื้องต้นได้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน รวบรวมหลักฐานประกอบการพิจารณาฟ้องร้อง ขอใช้พื้นที่นี้ประณามการทำงานที่ทำการไปรษณีย์บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ที่ไร้มาตรฐานทั้งเชิงปฏิบัติและการบริหารงานบุคคล”
ซึ่งต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่สำนักงานไปรษณีย์สาขาบ้านฝาง โดยพบเจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยไม่มีใครให้ข้อมูลใดๆกับสื่อมวลชน ขณะที่จากการสอบถามผู้บริการในระดับจังหวัดทราบว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วและมีการรายงานไปยังบริษัทไปรษณีย์ไทยส่วนกลางได้รับทราบ ซึ่งบริษัทไปรษณีย์ไทย สำนักงานใหญ่ จะมีการแถลงข้อเท็จจริงในรายละเอียดที่เกิดขึ้นและการดำเนินงานตามขั้นตอนต่างๆที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ก.ค.2567 ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังผู้โพสต์ คือ นาย ศดิศ เครื่องจำปา อายุ 26 ปี ชาว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์พร้อมกับส่งเอกสารหลักฐานต่างๆให้กับสื่อมวลชน โดยเป็นคลิปวงจรปิดบันทึกภาพบริเวณหน้าบ้านในวันที่ 6 ก.ค.2567 ซึ่งไม่มีใครมาที่หน้าบ้านหรือมีพนักงานขนส่งพัสดุมาส่งอะไรที่หน้าบ้านเลยในช่วงเวลา 14.45 น.-15.45 น. ตามที่ทางไปรษณีย์อ้างว่านำจ่ายในช่วงเวลานั้น
พร้อมกันนี้ยังมีหลักฐานที่ทางพี่สาวทำการเช็กข้อมูลการส่งพัสดุในระบบออนไลน์ โดยขอเลขพัสดุจากทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ ระบุว่า เอกสารถึงที่ทำการไปรษณีย์บ้านฝาง ในเวลา 06.36 น. นำจ่ายสำเร็จในเวลา 14.45 น. ซึ่งขัดแย้งกับภาพวงจรปิดที่บันทึกบริเวณหน้าบ้านเอาไว้ และระบุว่าผู้รับเป็นคนรับเอง แต่ไม่มีการเซ็นรับพัสดุแต่อย่างใด
และยังมีหนังสือที่ทางไปรษณีย์บ้านฝางออกหนังสือถึงผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง ระบุว่า
"ด้วยได้รับแจ้งจากนายศดิศ เครื่องจำปา ว่ามีหนังสือเรียกตัวบรรจุ ให้เข้ารายงานตัว จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ด้านจ่ายได้นำจ่ายได้ออกนำจ่ายในวันที่จดหมายเจ้าตัวไม่อยู่บ้านบ้านปิด นำจ่ายไม่ได้ จึงได้นำจดหมายฉบับดังกล่าวกลับมาเก็บไว้ที่ ปณ.รอนำจ่ายใหม่หรือให้เจ้าตัวมารับที่
ปณ.บ้านฝาง จากนั้นเจ้าตัวได้มารับจดหมาย ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 น.ดังนั้น ปณ.บ้านฝาง ขอรับรองว่า นายศดิศ เครื่องจำปา ได้มารับจดหมายฉบับดังกล่าว ล่าช้าเลยกำหนดเข้ารายตัว เป็นความจริง ทุกประการ"
และยังมีหนังสือฉบับที่ 2 ที่ทางไปรษณีย์บ้านฝางส่งถึงผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง ระบุว่า "ด้วยได้รับแจ้งจากนายศดิศ เครื่องจำปา ว่ามีหนังสือเรียกตัวบรรจุ ให้เข้ารายงานตัวจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา พังงา ภูเก็ต ระนอง
ปณ.บ้านฝาง ได้ตรวจสอบข้อมูลรายละเอียด พบว่าเกิดจาก ความบกพร่องของ เจ้าหน้าที่ด้านจ่ายด้าน ชื่อ.......ตำแหน่งลูกจ้างเหมา ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีการนำจ่ายอีเอมเอส ให้ถูกต้อง บันทึกข้อมูลผลผิดพลาด ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อมูลไม่ดีต่อผู้รับ เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ยังใหม่ทำงานอาจจะไม่รอบครอบ
ดังนั้น ปณ.บ้านฝาง จึงกราบขออภัยมายังผู้ร้องเรียนว่า จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีก และขอรับรองว่า นายศติศ เครื่องจำปา ผู้ร้องได้รับจดหมายฉบับดังกล่าว ล่าข้าเกินกำหนดเข้ารายตัว เป็นความจริง ทุกประการ"
นาย ศดิศ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ตอนนี้ตนเองอยู่ที่ กทม. เรื่องดังกล่าวนั้น ตนเองไม่ทราบเรื่องเลยว่ามีการรายงานตัว โดยได้ติดตามเพจ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงาภูเก็ต ระนองไว้ ซึ่งในเพจไม่ได้อัพเรื่องรายละเอียดของการไปรายงานตัวบรรจุครู แต่จะมีการอัพ เฉพาะข่าวสาร
ตนเองก็ได้บังเอิญไปเห็นโพสต์ ที่มีการเรียกรายงานตัวไปแล้ว เป็นภาพที่นั่งอยู่ในห้องรายงานตัว ตนเองก็เลยเข้าไปดูคนที่กดแชร์โพสนี้ แล้วก็ทักไปหาคุณครูที่ได้มีการรายงานตัววันนั้น ว่ามีการรายงานตัวด้วยหรือแล้วมีชื่อของตนไหม เพราะว่าในวันนั้น ก็ได้มีเบอร์จากสำนักงานเขตโทรมาที่เบอร์ของตนเองหลายสาย แต่ตนเองในขณะนั้นตนเองติดสอนเด็กอยู่ จึงไม่ได้รับสาย
คนที่ตนได้ทักไปถามก็ตอบว่ามีชื่อตนเองอยู่ และได้มีเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตได้โทรไปในวันรายงานตัว ตนเองจึงรู้ว่าเหตุการณ์ตรงกันแล้ว แล้วตนเองจึงคิดว่าเอกสารการเรียกรายงานตัวหายไปไหน ทำไมไม่มีส่งมาที่บ้าน ซึ่งตนเองบ้านอยู่ที่ขอนแก่น แต่ตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งแม่อยู่บ้านที่ขอนแก่น ตนเองจึงให้แม่ไปเช็คที่ไปรษณีย์ ว่าเอกสารของตนตกค้างที่ไปรษณีย์หรือเปล่า
ในตอนแรกพนักงานขนส่งอ้างว่าได้มาส่งแล้ว แต่มาแล้วไม่มีคนอยู่บ้านจึงได้ตีกลับจดหมายไปที่ไปรษณีย์ จึงมีการออกหนังสือฉบับที่ 1 ให้ เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้มีการส่งจดหมายมาที่บ้านแล้ว แต่เจ้าตัวไม่อยู่บ้าน ทำให้มารับเอกสารล่าช้า เป็นความจริง ตนเองก็นำไปยื่นที่สำนักงานเขต แต่ทางไปรษณีย์ ไม่ทราบว่าที่บ้านมีกล้องวงจรปิด
ตนเองนั้นได้ไปนั่งไล่ดูกล้องวงจรปิด ปรากฏว่าไม่พบใครมาที่บ้านเลย ในวันเวลาที่มีการเซ็นรับ ไล่เวลาดูทั้งก่อนและหลัง ช่วงเวลาที่เขาอ้าง ก็พบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่จากไปรษณีย์มาส่งให้ตนเองจริงๆ แต่ว่าในระบบมีการเซ็นรับเอกสารไปแล้ว ก็ได้มีการไปที่ไปรษณีย์ พบว่ามีจดหมายของที่บ้านตนเองตกค้างอยู่ที่ไปรษณีย์ 16 ฉบับ โดยที่ไม่มีใครนำส่งเลย รวมทั้งหนังสือรายงานตัวด้วย
ตนเองจึงได้รีบบินด่วนไปสำนักงานเขต โดยนำหลักฐานที่ตนเองรวบรวมไว้ บันทึกประจำวัน กล้องวงจรปิด และเอกสารฉบับแรกที่ทางไปรษณีย์อำเภอออกให้ ที่แจ้งว่าตนไม่อยู่บ้าน หนังสือจึงตีกลับไปที่ไปรษณีย์ ไปยื่นเอกสาร ส่งบันทึกข้อความแสดงเอกสารหลักฐานทั้งหมด ว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น
สำนักงานเขตจึงแจ้งว่าจะนำเอาเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณา ซึ่งทางเขตก็ได้รับเรื่องไว้ เพราะทางสำนักงานเขตก็ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ ในจุดนั้น ตอนนี้ได้แต่รอ จึงเป็นที่มาว่าตนเองรู้ได้อย่างไร หนังสือที่ไปรษณีย์ต้องนำส่งนั้น เป็นหนังสือเรียกรายงานตัวไปบรรจุครู ซึ่งมีการเรียกตนไปรายงานตัว ถ้าตนได้ไปรายงานตัววันนั้น ตนก็ได้รับบรรจุ และก็ได้ไปทำงานแล้ว
หลังจากที่ทางไปรษณีย์รู้ว่ามีกล้องวงจรปิด และตนเองได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน รวบรวมหลักฐานว่าบ้านของตนนั้นมีกล้องวงจรปิด และมีการถ่ายรูปเพื่อให้ทาง ไปรษณีย์ดู จึงได้มีการออกหนังสือฉบับที่ 2 ให้ บอกว่าเป็นความผิดพลาดของทางไปรษณีย์เอง จากนายคนนี้ ซึ่งเป็นพนักงานนำจ่ายไม่ได้ทำตามขั้นตอน เนื่องจากเป็นพนักงานใหม่ แล้วก็ลงชื่อ ประมาณนี้ จากนั้นก็ได้มีการส่งหนังสือไปที่สำนักงานเขตอีกครั้ง
ในวันนี้ทางไปรษณีย์ก็ได้ประสานกับทางแม่ของตน แต่ไม่ได้ประสานงานกับตนเองโดยตรง เพราะแม่ของตนเองนั้นจะอยู่ในพื้นที่ ในอำเภอนั้น ไปรษณีย์ก็ให้ผู้ใหญ่ ไปรษณีย์จังหวัด ไปรษณีย์ไทย ติดต่อรัฐมนตรี ติดต่อไปที่สำนักงานเขต ว่ากำลังเจรจากันอยู่ หัวหน้าของไปรษณีย์อำเภอแล้วก็พนักงานนำจ่าย ได้เข้ามาที่บ้านเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 67 เข้าไปขอโทษ ในความเสียหายที่เกิดขึ้นจะแบ่งเป็น 2 อย่าง
ข้อ 1 คือ ในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าตนเองจะถูกตัดสิทธิ์ไหม หรือจะถูกเลื่อนออกไปเป็นลำดับที่เท่าไหร่ จะถูกเรียกอีกครั้งเมื่อไหร่ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงๆแล้วก็คือ การลางาน บินด่วนไปเพื่อส่งเอกสารหลักฐาน เพื่อไปคุยกับสำนักงานเขตโดยตรง แม่ของตนเองก็ต้องลางานเพื่อติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับรถไปกลับบ้านกับไปรษณีย์เพื่อเจรจาพูดคุย หรือรวบรวมเอกสาร ถ่ายภาพหลักฐานทั้งหมด และเรื่องของสภาพจิตใจ ของคนในครอบครัว ที่เสียใจ ว่ามีการถูกเลื่อนออกไป
ส่วนข้อที่ 2 ก็ต้องรอลุ้นต่อไปว่าจะถูกตัดสิทธิ์หรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งทางเขตได้มีการประกาศ และเรียกรายบุคคลผ่านทางจดหมายอย่างเดียว ของเฉพาะสำนักงานเขตนี้ โดย ทางสำนักงานเขตได้มีประกาศออกมาชัดเจนว่าจะเรียกผ่านทาง ไปรษณีย์ช่องทางเดียว ในตอนนี้ตนเองยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับ พนักงานที่เป็นคนนำส่งโดยตรง ตนเองก็ได้แต่คิดไปเอง ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นได้ ได้แต่คิดกับตนเองว่าเป็นการเพิกเฉย ในตอนนี้ตนเองก็ยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงไม่นำส่ง และเกิดจากอะไร แต่ว่าหัวหน้าทางไปรษณีย์ของอำเภอบ้านฝาง ได้ติดต่อกับไปรษณีย์จังหวัด และไปรษณีย์ระดับประเทศ ว่าจะมีแถลงการณ์จากไปรษณีย์กรุงเทพฯโดยตรง