หนุ่มร้องสื่อ "เพื่อนบ้านมหาภัย" ก่อกวนคุกคามนับปี | คมชัดลึก

18 ก.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนปัญหาเพื่อนบ้านจากผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยคลิปวงจรปิดเหตุการณ์เมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 ก.ค.67)  มีเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นชายอายุประมาณ 60 ปีเศษ เดินเข้ามาหน้าบ้าน ตะโกนด่าทอต่างๆ นาๆ พร้อมข่มขู่ฆ่าทั้งครอบครัว ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาตลอด 1 ปี

ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองพักอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกสาว 2 คน อายุ 6 ขวบ และ 3 ขวบ ที่บ้านพักลักษณะเป็นทาวน์เฮ้าส์ ภายซอยลาดพร้าว 47 ส่วนเพื่อนบ้านคู่กรณีทราบภายหลัง ว่าเป็นอดีตพนักงานธนาคารเกษียณอายุ พักอยู่บ้านตรงข้ามในลักษณะกันเยื้องๆ กัน สาเหตุที่ถูกก่อกวนมาตลอด 1 ปี เกิดขึ้นจากเมื่อ 1 ปีที่แล้ว ได้ขับรถกลับเข้าบ้าน ช่วง 5 ทุ่ม คู่กรณีนำรถยนต์มาจอดขวางหน้าบ้าน ตนจึงไปกดกริ่งให้ลงมาขยับรถ จนเกิดมีปากเสียงลงไม้ลงมือกัน

ยอมรับว่าตนเองเป็นฝ่ายผิดที่ทำร้ายเขาก่อน จากนั้นได้ไป สน.โชคชัย เสียค่าปรับ 5 พันบาท และมีการปรับความเข้าใจกัน โดยเพื่อนบ้านไม่มาจอดรถขวางทางอีก และนำรถไปจอดปากซอยแทน จากนั้นก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันอีก

ผู้เสียหาย เล่าต่ออีกว่า เหตุการณ์หลังจากนั้นเพื่อนบ้านตะโกนด่าทอ ยืนมองหน้า หนักๆ เข้า เดินมาหน้าบ้านขวางหน้าประตู ข่มขู่ จะใช้ปืนยิงทั้งครอบครัว ช่วงที่ตนมาทำงาน กล้องวงจรปิดหน้าบ้านยังบันทึกภาพคู่กรณีไว้ได้ พบว่าเดินมายืนมองที่หน้าบ้าน ด่าทอบ้าง บางครั้งไม่มีคนอยู่ คู่กรณีก็เดินพนมมือหน้าบ้านเดินไปมา

จนกระทั่ง 6 ก.ค. 2567 ช่วงเวลาประมาณ  7 โมงเช้า คู่กรณีตะโกนข่มขู่อ้างว่าจะใช้ปืนยิงฆ่ายกครัว ทำให้ภรรยาและตนเองเกิดความกลัว จึงไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.โชคชัย แต่เจอทนายอาสาประจำ สน.โชคชัย บอกให้ลงบันทึกประจำวันไว้ก็พอ เพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน อยากให้ค่อยๆ พูดกัน

เหตุการณ์ล่าสุดเมื่อคืนนี้ คู่กรณีมาตะโกนด่าท่อข่มขู่อีก ภรรยาและลูกร้องไห้กลัวจะไม่ปลอดภัย โชคดีมีเพื่อนบ้านอีก 2 หลังมาช่วยพูดคุยและกันคู่กรณีออกไป จากนั้นตนจึงได้โทรแจ้งสายตรวจ สน.โชคชัย มาอีกครั้ง เพื่อมาระงับเหตุ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาคุยด้วย คู่กรณีอ้างว่าบ้านกำลังจะถูกยึด ชีวิตล่มจม ลูกตนเองป่วย เลยเครียดสะสม และอ้างอีกว่า รู้จัก ผกก.โชคชัย เดี๋ยวจะไปพูดคุยเอง

"ตนอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงสำนักงานเขตลาดพร้าว ให้ช่วยลงมาดูแล หากคู่กรณีป่วย ขอให้ไปรักษา ไม่ใช่มาก่อกวนเป็นปัญหาสังคม และอนาคตไม่รู้ว่าคู่กรณีจะก่อเหตุรุนแรงขึ้นอีกหรือไม่"