เปิดวัฒนธรรมดื่มชา แบบเวียดนาม คนรินต้องดื่มก่อน ป้องกันการวางยาพิษ
ผู้เชี่ยวชาญเผย วัฒนธรรมดื่มชาแบบเวียดนาม คนรินต้องดื่มก่อน ป้องกันการวางยาพิษ หลังเหตุ 6 ศพ ถูกวางยาพิษดับสลดในโรงแรมดังกลางกรุง ฯ
18 ก.ค. 2567 จากกรณีเหตุสะเทือนขวัญกลางกรุง 6 ศพ ถูกวางยาพิษ ไซยาไนด์ ในโรงแรมชื่อดังย่านราชประสงค์ โดยผู้เสียชีวิตเป็นชาวเวียดนาม 6 คน และ 2 ในนี้ถือสัญชาติอเมริกัน โดยชุดสืบสวนคลี่คลายคดี พุ่งเป้าไปที่ น.ส.เชอรีน ชอง อายุ 56 ปี (หมายเลข 5) สัญชาติอเมริกัน เป็นผู้วางยาสังหารทั้งหมด โดยมีร่องรอยการดื่มเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ นอกจากนี้ได้พบสารไซยาไนด์ในถ้วยกาแฟทั้ง 6 ใบ และสันนิษฐานว่าหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นผู้ก่อเหตุ
ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครพนม ได้รับการเปิดเผยจาก นายเกรียงไกร ศรีพงษ์ อายุ 74 ปี ชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม อดีตอาจารย์สอนพิเศษมหาวิทยาลัยราชภัฏนครพนม จนกระทั่งควบรวมมาเป็นมหาวิทยาลัยนครพนม มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร และ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือที่เรียกกันติดปากว่าเอแบคว่า
การดื่มชาของชาวเวียดนาม ไม่แตกต่างไปจากการดื่มชาของชาวจีน เกาหลี หรือ ญี่ปุ่น โดยคนชงชาจะรินชาให้ผู้อยู่ในวงสนทนา เริ่มจากถ้วยของผู้ใหญ่ หรือ ผู้อาวุโสก่อน ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพ จากนั้นก็ริมให้ตามลำดับจนครบทุกถ้วย โดยคนรินจะต้องเป็นคนดื่มก่อน เพื่อให้ผู้ที่อยู่ร่วมวงมั่นใจว่าไม่มียาพิษเจอปนอยู่ในน้ำชา
จากที่ติดตามข่าว พบว่าคนที่วางยาพิษในกาน้ำชา ก็เสียชีวิตด้วย ก็ไม่เป็นเรื่องแปลกในวิถีการดื่มชา คาดต้องการสังหารหมู่รวมทั้งตนเองด้วย จึงผสมไซยาไนด์ลงในใบชา แล้วก็ยกถ้วยชาดื่มก่อนใคร เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีสารพิษ คนอื่นๆ ที่เหลืออีก 5 คนก็ยกดื่มตาม ถือว่าหญิงคนนี้ใจเด็ดมากที่ฆ่าตัวตาย พร้อมกับเพื่อนร่วมธุรกิจ
ขณะที่ร้านขายของฝากในพื้นที่ จ.นครพนม ไม่มีใบชาเวียดนามวางขาย แต่ไปพบที่ตลาดอินโดจีนเพียงแห่งเดียว โดยนางจิ้งหรีด (สงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี แม่ค้าขายของฝากจากเวียดนาม เปิดเผยว่าชาเวียดนามจะขายดีในช่วงฤดูหนาว ร้อนกับฝนไม่ค่อยเท่าไหร่ จะขายห่อละ 60 บาทเท่านั้น ส่วนที่เกิดเป็นข่าวใน กทม. เกี่ยวกับดื่มชาผสมสารพิษ ไม่มีผลกระทบใดๆ เพราะปกติก็ขายได้เรื่อยๆ