จับได้แล้ว "น้องพารา" จระเข้น้ำเค็ม หลังลอยคอชิลมา 5 คืน 6 วัน ที่ภูเก็ต
จับได้แล้ว "น้องพารา" จระเข้น้ำเค็ม เพศเมีย หลังลอยคอชิลมา 5 คืน 6 วัน ที่ภูเก็ต จนอ่อนแรง ก่อนประกาศตามหาเจ้าของ
เมื่อช่วงรุ่งสางวันนี้ (5 ส.ค. 2567) เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการติดตามจับตัว จระเข้น้ำเค็ม "น้องพารา" ซึ่งโผล่ในขุมน้ำเอกชนบ้านพารา ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต พร้อมเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน และ นายนิคม สุขสวัสดิ์ ไกรทองจากบริษัทปัญญาฟาร์ม ศูนย์ฝึกจับและวิชาการเพื่อการอนุรักษ์จระเข้ จำกัด ได้ร่วมกันติดตามและจับกุมจระน้ำเค็ม ซึ่งชาวบ้านตั้งชื่อว่า "น้องพารา" ขึ้นจากขุมน้ำได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยใช้เวลาปฎิบัติการรวม 5 คืน 6 วัน
ตรวจสอบเป็น จระเข้น้ำเค็ม เพศเมีย อายุ 6-7 ปี ยาว 2.44 เมตร น้ำหนักประมาณ 60-70 กิโลกรัม สภาพร่างกายแข็งแรงอ้วนถ้วนสมบูรณ์ เบื้องต้นนำตัวไปไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต ก่อนจะประกาศตามหาเจ้าของและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายกรมประมงต่อไป
นายนิคม สุขสวัสดิ์ ไกรทองจากบริษัทปัญญาฟาร์ม ศูนย์ฝึกจับและวิชาการเพื่อการอนุรักษ์จระเข้ จำกัด กล่าวถึงปฎิบัติการในครั้งนี้ว่า จากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานในสังกัดกรมประมงพื้นที่ จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา, เทศบาลตำบลป่าคลอก, กำนันผู้ใหญ่บ้าน, มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต, เจ้าหน้าที่ตำรวจ และภาคประชาชนในพื้นที่ ซึ่งร่วมแรงร่วมใจกัน เป็นเวลา 5 คืน 6 วัน จนสามารถจับจระเข้ในขุมน้ำขึ้นมาได้ แม้ว่าในช่วงวันแรกๆ ยังจับตัวไม่ได้ แต่เป็นการกดดันเพื่อให้ จระเข้ อ่อนแรง
ในการทำงานได้มีการปรับแผนกันมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยสภาพพื้นที่ทำงานค่อนข้างยากและลำบาก เนื่องจากระดับน้ำค่อนข้างลึกมากและความเหมาะสมของอุปกรณ์ จนมาได้ข้อสรุปว่าใช้วิธีการดักจับ จากประสบการณ์ที่ผ่านมายังไม่เคยใช้วิธีการดังกล่าวมาก่อน แต่คงต้องขอสงวนในเรื่องของรายละเอียดไว้ เนื่องจากเป็นกลวิธีของทางไกรทอง
ด้าน นายปัณยา สำเภารัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลป่าคลอก กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบที่มาของจระเข้ตัวดังกล่าว ซึ่งจะได้มีการหาข้อมูลต่อไป ที่ผ่านมาในพื้นที่ป่าคลอกไม่เคยเจอจระเข้น้ำเค็มมาก่อน ซึ่งในพื้นที่ ต.ป่าคลอก ชาวบ้านในพื้นที่จะประกอบอาชีพการทำประมงกันค่อนข้างมาก และจะทราบดีว่าจะมีสัตว์ที่ดุร้ายค่อนข้างมาก จึงทำให้จะรู้วิธีการป้องกัน ส่วนของเทศบาลฯ นั้นจะมีเจ้าหน้าที่ป้องกันและเทศกิจดุแลสอดส่องและช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นภัยจากสัตว์มีพิษ หรือภัยธรรมชาติอื่นๆ
ขณะที่ นายประยุธ รัตนวรรณ ประมงจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการนำจระเข้ตัวดังกล่าวไปไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต เป็นการชั่วคราว จากนั้นจะมีการประกาศหาผู้เป็นเจ้าของ หากไม่มีผู้มาแสดงตนตามระยะเวลาที่กำหนด จระเข้ ตัวดังกล่าวจะตกเป็นสมบัติของแผ่นดิน และจะได้มีการดำเนินการตามกฎหมายของกรมประมงต่อไป
โดย : สาลินี ปราบ