เตือน 23 จังหวัด น้ำท่วมฉับพลัน - น้ำป่าไหลหลาก เช็กด่วน พื้นที่ไหนบ้าง
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประกาศ ฉบับที่ 10 เฝ้าระวัง น้ำท่วมฉับพลัน และ น้ำป่าไหลหลาก ช่วง 16 - 22 ส.ค. 2567 เสี่ยง 23 จังหวัด เช็กด่วน พื้นที่ไหนบ้าง
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประกาศฉบับที่ 10 เฝ้าระวัง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยได้ติดตามการคาดการณ์ สภาพอากาศ พบว่า ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และ สปป.ลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับร่องมรสุมกำลังปานกลางจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมี ฝนตกหนัก บางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก
สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำตามฝนคาดการณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยง น้ำหลาก และพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ จากกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรธรณี พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวัง ในช่วงวันที่ 16 - 22 ส.ค. 2567 ดังนี้
1. พื้นที่เสี่ยง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และบริเวณชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน บริเวณ
ภาคเหนือ
- จ.เชียงราย (อ.เมืองเชียงราย แม่สาย เชียงแสน เวียงแก่น ขุนตาล พญาเม็งราย เวียงชัย เทิง และแม่ลาว)
- จ.เชียงใหม่ (อ.แม่อาย และเชียงดาว)
- จ.แม่ฮ่องสอน (อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ปางมะผ้า และขุนยวม)
- จ.ตาก (อ.ท่าสองยาง และแม่สอด)
- จ.ลำพูน (อ.เมืองลำพูน บ้านโฮ่ง ทุ่งหัวช้าง แม่ทา ลี้ และป่าซาง)
- จ.ลำปาง (อ.วังเหนือ และงาว)
- จ.พะเยา (อ.เมืองพะเยา แม่ใจ ภูซาง ปง เชียงคำ จุน และเชียงม่วน)
- จ.น่าน (อ.เมืองน่าน เฉลิมพระเกียรติ แม่จริม บ้านหลวง ปัว ท่าวังผา เวียงสา ทุ่งช้าง เชียงกลาง สันติสุข บ่อเกลือ สองแคว และภูเพียง)
- จ.แพร่ (อ.เมืองแพร่ เด่นชัย ลอง และวังชิ้น)
- จ.อุตรดิตถ์ (อ.เมืองอุตรดิตถ์ ลับแล พิชัย ทองแสนขัน และท่าปลา)
- จ.พิษณุโลก (อ.ชาติตระการ นครไทย วังทอง และเนินมะปราง)
- จ.เพชรบูรณ์ (อ.เมืองเพชรบูรณ์ หล่มเก่า และหล่มสัก)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- จ.เลย (อ.เชียงคาน และปากชม)
- จ.หนองคาย (อ.เมืองหนองคาย สังคม ศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ โพนพิสัย โพธิ์ตาก และรัตนวาปี)
- จ.บึงกาฬ (อ.เมืองบึงกาฬ ปากคาด พรเจริญ ศรีวิไล บุ่งคล้า โซ่พิสัย เซกา และบึงโขงหลง)
- จ.หนองบัวลำภู (อ.เมืองหนองบัวลำภู ศรีบุญเรืองและโนนสัง)
- จ.อุดรธานี (อ.เพ็ญ บ้านดุง ทุ่งฝน หนองหาน และหนองแสง)
- จ.สกลนคร (อ.เมืองสกลนคร บ้านม่วง คำตากล้า เจริญศิลป์ วานรนิวาส สว่างแดนดิน ส่องดาว และพรรณานิคม)
- จ.นครพนม (อ.เมืองนครพนม บ้านแพง นาทม ศรีสงคราม ท่าอุเทน นาหว้า โพนสวรรค์ ปลาปาก และธาตุพนม)
ภาคตะวันออก
- จ.นครนายก (อ.เมืองนครนายก ปากพลี และบ้านนา)
- จ.ปราจีนบุรี (อ.เมืองปราจีนบุรี ประจันตคาม นาดี และกบินทร์บุรี)
- จ.จันทบุรี (อ.เมืองจันทบุรี มะขาม ขลุง และแหลมสิงห์)
- จ.ตราด (อ.คลองใหญ่ และเกาะกูด)
2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ตราด
และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ ให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบบริเวณท้ายเขื่อนน้อยที่สุด
3. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณ
- แม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ ลำน้ำงาว (อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย)
- แม่น้ำสาย (อ.แม่สาย จ.เชียงราย)
- ลำน้ำปาย (อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ปางมะผ้า และปาย จ.แม่ฮ่องสอน)
- แม่น้ำลาว (อ.เชียงคำ และภูซาง จ.พะเยา อ.เทิง จ.เชียงราย)
- แม่น้ำน่าน (อ.เมืองน่าน เวียงสา เชียงกลาง ภูเพียง และท่าวังผา จ.น่าน)
- แม่น้ำยม (อ.ปง เชียงม่วน จ.พะเยา อ.สอง และหนองม่วงไข่ จ.แพร่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก)
- แม่น้ำแควน้อย (อ.นครไทย จ.พิษณุโลก)
- แม่น้ำป่าสัก (อ.หล่มสัก และหนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์)
- ลำน้ำก่ำ (อ.เรณูนคร จ.นครพนม)
- แม่น้ำตราด (อ.เมืองตราด เขาสมิง และบ่อไร่ จ.ตราด)
ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ หรือพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังระบายไม่ทัน
2. ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำและพนังกั้นน้ำ เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ อาคารชลศาสตร์ให้พร้อมใช้งาน และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ
3. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
4. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์