ช่วยสำเร็จ ตร.ซ้อนแผน แก๊งคอลเซนเตอร์ อุ้ม นักศึกษา เรียกค่าไถ่ 2 ล้าน
ช่วยสำเร็จ ตำรวจซ้อนแผน แก๊งคอลเซนเตอร์ อุ้ม นักศึกษา มหาวิทยาลัยย่านปทุมธานี ไป กัมพูชา เรียกค่าไถ่ 2 ล้านบาท
เมื่อเวลา 00.36 น. (28 ส.ค. 2567) รายงานล่าสุดหลัง นายชัยธวัฒน์ กีรติรัตน เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ธีระพันธ์ สุนทรวิภาต รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ ว่าได้มีคนร้ายโทรไลน์มาหาตนเองและภรรยา แจ้งว่าได้ลักพาตัวลูกชาย อายุ 18 ปี ซึ่งปัจจุบันเป็น นักศึกษา มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ย่าน จ.ปทุมธานี จากหน้าหอพักไป และได้นำตัวไปขังไว้ที่ฝั่ง ประเทศกัมพูชา ซึ่งต้องการค่าไถ่ตัวลูกชายเป็นเงินจำนวน 2 ล้านบาท โดยห้ามแจ้งเจ้าหน้าที่ หากไม่เช่นนั้นจะฆ่าบุตรชายให้รีบนำเงินไปไถ่ตัว
โดย นายชัยธวัฒน์ บอกว่า ลูกชายได้ติดต่อผ่านช่องทางไลน์มาแจ้งว่าถูกคนร้ายกักขังไว้ แต่ไม่รู้สถานที่ ต่อมาคนร้ายได้ส่งข้อความมาในเมสเซนเจอร์ของลูกชาย ว่าให้นำเงินมาไถ่ตัว ถ้าไม่ติดต่อมา ให้เตรียมตัวรับศพร่างของน้องได้เลย ซึ่งคนร้ายยังแชตข้อความมาหาตน ผ่านไลน์ของลูกชาย บอกว่าน้องยังอยู่ ไม่ได้ทำร้าย ไม่ให้อดอาหาร และในเวลาไล่เลี่ยกัน ลูกชายก็โทรคอลฯ ผ่านไลน์มาหา ทั้งน้ำเสียงตื่นตระหนก บอกว่าถ้าแจ้งความ เขาจะไม่ปล่อยตัว แต่ไม่ได้บอกว่าอยู่ในตึกแถวไหนใน ประเทศกัมพูชา จึงเดินทางเข้าแจ้งความขอคำปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ ในครั้งนี้
ทางด้าน พล.ต.ต.สุชาติ คล้ายจันทร์พงษ์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ ก็ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ และขอให้สื่อมวลชนช่วยกันอย่าเพิ่งนำเสนอข่าวนี้ออกไปก่อน เดี๋ยวแก๊งเรียกค่าไถ่กลุ่มนี้จะไหวตัวทัน และอาจจะทำให้เด็กมีอันตรายได้ระหว่างเร่งประสานกับหน่วยทหารและส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศกัมพูชาแล้ว จึงให้ นายชัยธวัฒน์ ผู้เป็นพ่อของเด็กที่ถูกลักพาตัวไป และแม่เด็ก ไปที่ห้องสืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ เพื่อตรวจเช็คความคืบหน้ากรณีซิมการ์ดที่ใช้ติดต่อ หมายเลขที่ใช้ติดต่อ
กระทั่งพบว่าเด็ก 18 รายนี้ ถูกหลอกไปที่ปอยเปด ประเทศกัมพูชา ก่อนที่จะมีการใช้วิดีโอคอลผ่าน LINE สอบถามข้อมูลจนกระทั่งสืบทราบความแน่ใจจึงได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศกัมพูชาที่อยู่ฝั่งปอยเปด ได้เข้าไปช่วยเหลือเด็กชาย 18 ปี รายนี้ ได้อย่างปลอดภัยแล้ว โดยไม่ได้จ่ายเงิน 2 ล้านบาท ตามที่ กลุ่มมิจฉาชีพ เรียกค่าไถ่มาแต่อย่างใด เพราะมิจฉาชีพยังไม่ได้แตะต้องตัวเด็ก และอยู่คนละพื้นที่กันกับเด็ก ทำให้ทหารไทยและ กัมพูชา ได้เข้าช่วยเหลือไว้ได้ทัน ก่อนได้พาตัวเด็กส่งกลับมายังประเทศไทยผ่านมาทางด้าน จ.สระแก้ว นำตัวเด็กเดินทางเข้าให้ปากคำตำรวจ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พื้นที่เกิดเหตุต่อไป
หลังผู้เป็นแม่ของเด็กที่เป็นลูกชายทราบข่าว ลูกชาย ได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศไทยแล้ว ได้เร่งเดินทางไปรอรับลูกชายอยู่ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี แล้วคาดว่าน่าจะเดินทางมาถึงในช่วงสายของวันที่ 28 ส.ค. 2567 นี้
ซึ่งเหตุการณ์นี้มีการเปิดเผยข้อมูลในเบื้องต้น พบว่าเด็กมีการเล่นเกมและติดเกมในระบบออนไลน์จนทำให้ถูกหลอกจากปทุมธานี ไปที่ปอยเปด และมีการเปลี่ยนซิมเปลี่ยนไลน์ ทำให้มิจฉาชีพแฮกไลน์ได้ ส่วนตัวเด็กเองนั้นไม่สามารถที่จะมี LINE หรือเข้าสู่ระบบ LINE ได้ แต่มิจฉาชีพที่ปลอมแปลงขึ้นมาหลอกให้เด็กทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ ทำเป็นมัดมือมัดเท้าเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งจะได้นำมาอ้างหลอกญาติ หรือ พ่อแม่ เพื่อเรียกค่าไถ่โดยที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน หรืออยู่คนละพื้นที่ได้ ซึ่งเป็นวิธีการของ แก๊งคอลเซนเตอร์ จะใช้หลอกให้หลงเชื่อได้
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ทางเจ้าหน้าที่อยากฝากเตือนพี่น้องประชาชนหรือฝากเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานที่มีการติดเกมส์ หรือ ชอบเล่นเกมส์ออนไลน์ ควรระมัดระวังให้มากด้วย เพราะมิจฉาชีพสามารถเข้าสู่ระบบและชักชวนไปในแนวทางลักษณะดังกล่าวนี้ได้อีกด้วย
โดย : สุทธิพงศ์ เสฎฐรังสี