เศร้า! "ลูกพะยูน" หลงแม่ เกยตื้นเกาะปอดะ เสียชีวิตแล้ว
เศร้า! "ลูกพะยูน" หลงแม่ เกยตื้นเกาะปอดะ เสียชีวิตแล้ว หลังเจ้าหน้าที่นำมาอนุบาล 18 วัน ชันสูตรพบเนื้อเยื่อปอดมีเลือดคั่ง
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ออกแถลงการณ์ ระบุว่า สืบเนื่องจาก วันที่ 10 ส.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันดามันล่าง (ศวอล.) ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ว่ามีนักท่องเที่ยวพบลูกพะยูนมีชีวิตว่ายน้ำเพียงลำพัง บริเวณเกาะปอดะ ต.อ่าวนาง จ.กระบี่
ตรวจสอบพบว่าลูกพะยูนตัวดังกล่าวมีปัญหาการทรงตัวและพลัดหลงจากแม่ จึงจำเป็นต้องเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทางเจ้าหน้าที่ ศวอล. จึงได้ประสานงานกับทางอุทยานฯ ในการเข้าพื้นที่ช่วยเหลือเบื้องต้นและขนย้ายมายังที่ทำการอุทยานฯ
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นพะยูนเพศผู้วัยเด็ก คาดว่าอายุประมาณ 2-4 เดือน โดยมีความยาว 102 เซนติเมตร น้ำหนัก 13.8 กิโลกรัม การตรวจร่างกายพบว่าพะยูนอ่อนแรง แต่ยังสามารถขึ้นหายใจได้ พบรอยขีดข่วนบริเวณส่วนจมูกและหัวเล็กน้อย ความสมบูรณ์ของร่างกายค่อนข้างผอม (BCS=2/5) บริเวณตาซ้ายขุ่นและตาจมลึก ซึ่งแสดงว่าพะยูนมีภาวะขาดน้ำ เสียงปอดชื้นเล็กน้อย ลำไส้มีการบีบตัว และพะยูนยังมีความอยากอาหารอยู่
จากนั้นเจ้าหน้าที่ ศวอล. ได้ขนย้ายพะยูนตัวดังกล่าวมาอนุบาลสระน้ำขนาดความจุน้ำ 50 ตัน ที่สถาบันทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง และเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อนำไปวิเคราะห์ทางโลหิตวิทยา จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีค่ากลูโคสในกระแสเลือดต่ำ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
โดยสัตวแพย์ได้ป้อนนมทดแทนและน้ำ เพื่อชดเชยภาวะขาดน้ำ และทางสัตวแพทย์ได้ตรวจสุขภาพอย่างละเอียด พร้อมทั้งปรับสัดส่วนของอาหารทดแทนนม เพื่อให้เหมาะสมต่อความต้องการโภชนาการของลูกพะยูน โดยให้นมทดแทนสำหรับลูกสัตว์และอิเล็กโทรไลด์ทางการสอดท่อทุก 3-4 ชั่วโมง
ต่อมาในวันที่ 27 ส.ค. 2567 ลูกพะยูนแสดงอาการซึม ลอยตัวนิ่ง เวลา 21.30 น. ลูกพะยูนแสดงอาการหายใจถี่ขึ้น มีอาการหายใจลำบาก และจมตัวลงพื้นบ่อไม่สามารถทรงตัวได้ ทีมสัตวแพทย์จึงรีบพยุงตัวสัตว์ขึ้นเหนือน้ำ และติดตามสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิด อัตราการหายใจเฉลี่ย 15-20 ครั้งต่อ 5 นาที การหายใจถี่และสั้น จึงให้ออกซิเจนและยากระตุ้นการหายใจ วัดหัวใจเต้นเบาลง ตรวจการเคลื่อนไหวของลำไส้พบว่ามีการเคลื่อนไหวข้าลง
ตรวจวัดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดพบว่า 21 mg/dl บ่งบอกว่าลูกพะยูนพบน้ำตาลในกระแสเลือดต่ำกว่าปกติอย่างรุนแรง จึงได้ทำการให้สารน้ำเข้าทางหลอดเลือดและทางการป้อน ให้ยาลดปวดเพื่อพยุงอาการ จนถึงเวลา 06.18 น. วันที่ 28 ส.ค. ลูกพะยูนแสดงอาการชักเกร็ง สีเยื่อเมือกชืด หายใจช้าลงผิดปกติ การเต้นของหัวใจเบาลงและการตอบสนองช้าลง จนหยุดนิ่งและเสียชีวิตในที่สุด
จากการชันสูตรซากลูกพะยูนพบว่าเนื้อเยื่อปอดมีเลือดคั่ง และพบลิ่มเลือดอุดตันภายในหลอดลมและแขนงหลอดลมปริมาณมาก บริเวณผนังช่องท้องพบลิ่มเลือดกระจายเป็นหย่อมๆ ส่วนของทางเดินอาหารพบปื้นเลือดออกบริเวณกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้นเล็กน้อย
สรุปสาเหตุการตายคาดว่าป่วยตามธรรมชาติ เนื่องจากภาวะทางเดินหายใจล้มเหลว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ ศวอล.ได้ทำการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ทางจุลพยาธิวิทยา ตรวจเพาะเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุการตายอย่างละเอียดต่อไป