ข่าว

สาวโอด ซื้อประกันชีวิตวงเงิน 10 ล้าน กลับถูกยกเลิกต่อกรมธรรม์ อ้างป่วยบ่อย

สาวสกลนคร ร้องสื่อทำประกันสุขภาพเหมาจ่าย 10 ล้านต่อปี จ่ายเบี้ยเข้าปีที่ 4 กลับถูกบริษัทเท โอนเบี้ยคืน อ้างป่วยบ่อยเสี่ยงสูง

วันที่ 2 ก.ย. 2567 น.ส.เจ นามสมมุติ ชาว จ.สกลนคร อายุ 40 ปี ออกมาเปิดเผยเรื่องราวกับผู้สื่อข่าว เล่าว่า เธอถูกบริษัทประกันแห่งหนึ่งเท แจ้งยกเลิก อ้างว่า ผู้เอาประกันมีความเสี่ยงสูง จึงคิดว่า ถูกเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้มาร้องเรียนเพื่อให้สังคมรับทราบ

 

 

โดยเมื่อปี 2563 ตนได้ทำประกันชีวิตกับบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งได้ตรวจสอบแล้ว มีความน่าเชื่อถือ ประเภทประกันสุขภาพ ก่อนทำแถลงประวัติการรักษาทั้งหมด และยื่นสเตทเม้นท์ 6 เดือน ถึง 1 ปี 

 

น.ส.เจ เล่าต่อว่า ทั้งครอบครัวมี 5 คน พ่อแม่ ลูก 3 คน ก่อนนี้ไม่ได้สนใจจะซื้อประกัน แต่ไปโรงพยาบาลเอกชนบ่อย จนรู้จักพยาบาล พยาบาลแนะนำประกัน เลยซื้อช่วยไม่คิดว่า การมีประกันสุขภาพจะใช้ได้จริง หลายเดือนต่อมาลูกไม่สบาย ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชน ค่ารักษาทั้งหมด 6 หมื่น ประกันอนุมัติจ่ายเพิ่มเองไม่กี่พัน หลังจากนั้นจึงเห็นคุณค่าของการมีประกัน 

ต่อมาจึงซื้อประกันจากหลายบริษัทให้ทั้งบ้าน แต่ละคนทำไม่เหมือนกัน วันที่ 8 มิ.ย. 2563 ตอนนั้นร่างกายแข็งแรงดี จึงมั่นใจ เลือกที่จะทำประกันสุขภาพเหมาจ่าย 10 ล้านกับบริษัทประกันแห่งหนึ่ง 

 

พอปี 2564 ได้คลอดลูกคนที่ 3 ทำให้ภูมิของร่างกายตก บวกกับให้นมบุตรมาตลอด 

พอปี 2565 ติดโควิดทั้งบ้าน ไปแอดมิดที่โรงพยาบาล ค่ารักษาทั้งหมด 5 คนรวม กัน 8 แสนบาท บริษัทประกันก็จ่ายให้ (แต่ละคน ใช้บริษัทประกันไม่เหมือนกัน)

 

จากนั้นปี 2566 เหตุที่พึ่งคลอดลูกและให้นมบุตร จึงทำให้มีฮอร์โมนแปรปรวน เป็นรอบเดือนนานถึง 8 เดือน พอหายจากโควิด ก็เป็นลองโควิด ทำให้ทั้งบ้านป่วยบ่อย บวกกับโรงเรียนเปิดเรียนปกติหลังโควิด บุตรคนที่ 1 ไปโรงเรียน กลับมาติดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์หนึ่งมา คนเป็นแม่และคนในบ้านก็ติดด้วย ทั้งๆ ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีแล้ว และเด็กทุกคนในบ้านฉีดวัคซีนหลักและวัคซีนเสริมทุกตัว 

พอหายได้ไม่กี่เดือน ลูกคนที่ 2 ไปโรงเรียนก็ติดไข้หวัดคนละสายพันธุ์แล้วก็ยังมาติดทั้งบ้าน จึงทำให้เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยมากและเข้าแต่ละครั้งจะแอดมิด 2 - 3 คน 

 

ล่าสุดปี 2567 เนื่องจากเป็นหวัดบ่อยทำให้เป็นไซนัส จึงจะทำการผ่าตัดไซนัสและจมูกคด แต่พอเลิกให้นมบุตร คุณหมอเปลี่ยนยาที่แรงขึ้น จึงเปลี่ยนวิธีเป็นการจี้จมูกลดบวมแทน ขณะรอห้องพักฟื้น ร่างกายเกิดชาครึ่งซีก อ่อนแรง มีอาการเหมือนคนสโตรก โชคดีที่อยู่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำถึงได้เข้ารับการรักษาได้ทันที 

 

สุดท้ายได้แอดมิท ประกันก็จ่ายค่ารักษาให้ทั้งหมด 180,000 บาท จึงภูมิใจมากที่คิดถูก เลือกถูกบริษัทที่มั่นคงทางการเงินและการทำงานอย่างมีความเที่ยงตรง 

 

 

ตนจึงบอกญาติพี่น้องให้ซื้อตามหลายคน แต่แล้วเมื่อเดือน มิ.ย.2567 ครบอายุกรมธรรม์ บริษัทได้ทำการไม่ให้ต่ออายุกรมธรรม์ ทั้งๆได้โอนเงินค่าเบี้ยประจำปีไปแล้ว 46,000 บาท แต่แล้วบริษัทก็โอนคืน แล้วอ้างสาเหตุว่า 

 

1.ลูกค้ามีความเสี่ยงภัยสูง เคลมเยอะ หากลูกค้าคนไหน นอนโรงพยาบาลมากกว่า 3 ครั้งต่อปี บริษัทนับว่ามีความเสี่ยงภัยสูง บริษัทประกันไม่สามารถรับความเสี่ยงภัยนี้ได้ 

2.ในวัย 35-40 ปี ไม่ควรป่วยกว่าคนทั่วไปในวัยเดียวกัน 

3.มีครั้งหนึ่งไปนอน รพ. ด้วยอาการปวดหัว บริษัทมองว่าไม่มีความจำเป็น แต่ความเป็นจริงคือ ปวดหัวรุนแรง ตาลืมไม่ขึ้น ปากพูดไม่ได้ และบริษัทก็อนุมัติแฟลกเคลมค่ารักษาตั้งแต่วันนั้นแล้ว 

 

สุดท้ายบริษัทบอกว่า บริษัทสามารถยกเลิกได้ ต่อให้เราก่อนทำแถลงประวัติทั้งหมด ไม่เคยปกปิด และมีความจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เพราะมีคำว่า “แต่ ขึ้นกับการพิจารณาของบริษัท” 

 

คุณเจ ถึฃกับโอดครวญว่า ทำไมในเมื่อเราบริสุทธิ์ใจก่อนทำ เลือกบริษัทประกันชีวิตแล้วด้วย ก่อนทำแข็งแรงดี พอเราป่วยเยอะ แล้วจึงมายกเลิก อ้างว่ามีความเสี่ยงสูง ทั้งๆบริษัทบอกขายความเสี่ยงในอนาคต ให้เอาความเสี่ยงมาให้บริษัท ปีที่แล้วทั้งบ้านป่วยเยอะ เคลมคนละหลายแสน บริษัทที่ลูกๆทำเป็นบริษัทประกันภัย ปีนี้ก็สามารถต่ออายุกรมธรรม์ได้ปกติ เว้นตัวเอง ที่ใช้อีกบริษัทที่เป็นประกันชีวิตวงเงิน 10 ล้าน แต่กลับถูกยกเลิก สามีตนก็ทำหลายบริษัท ไม่ได้แอดมิท 2 ปี มาต้นปีนี้ป่วย นอน รพ.ไป 2 คืน ตอนกลับส่งแฟลกเคลมบริษัทประกันแรกเหมาจ่าย 10 ล้าน ผลคือบริษัทแจ้งว่า ไม่พบข้อบ่งชี้จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล บริษัทไม่จ่าย โชคดีที่เธอซื้ออีกบริษัทที่เป็นบริษัทประกันภัยให้สามีที่เหมาจ่ายแค่ 700,000 บาท จึงให้ โรงพยาบาลแฟลกเคลมบริษัทที่ 2 ในวันเดียวกัน ผลคือ บริษัทประกันที่ 2 ชำระให้ครบทุกบาท ไม่ต้องสำรองจ่ายเลย 

 

 

วันนี้จึงออกมาร้องสื่อ อยากให้ประชาชนชาวไทยหลายคน ที่เห็นคุณค่าของประกัน กลับไปดูกรมธรรม์ที่ถือมาหลายปีก่อนวันที่ 8 พ.ย..2564 ( กฎหมายพึ่งออกมาคุ้มครอง คนที่ทำประกันหลัง 8 พย.2564 ) ว่าบริษัทสามารถยกเลิกได้ หากเราถือมา 3 ปี 5 ปี หรือมากกว่า 10 ปี ถ้าปีที่ 11 เราป่วยเยอะ เคลมเยอะ บริษัทสามารถยกเลิกได้ แล้วคนที่ป่วยมาเยอะแล้ว จะไปทำต่อที่ไหนก็ยาก เหมือนติดเครดิตบรูโรของการซื้อประกันสุขภาพ รวมถึงโรคร้ายแรงได้อีกด้วย อยากให้มีหน่วยงาน มาช่วยคนกลุ่มนี้ กลุ่มที่ทำประกันสุขภาพมาก่อน 2 ปีที่ผ่านมานี้ด้วย (ก่อนวันที่ 8 พย 2564) ไม่ใช่แค่พึ่งจะคุ้มครองคนที่ทำหลังจาก คปภ.คุ้มครอง เพราะประชาชนขาวไทยหลายคนไม่ทราบว่า "ประกันสามารถยกเลิกได้"

 

ถ้าคนไหนยังแข็งแรงดี แนะนำรีบไปเปลี่ยนเป็นแผนใหม่ ร่างกายที่ป่วยอยู่แล้ว กลับมาโดนประกันที่มั่นคงยกเลิก สุขภาพจิตใจก็ย่ำแย่ตาม ไม่อยากให้ใครต้องเจอแบบตนเอง ยืนยันตนป่วยจริงมีประวัติการรักษาทุกอย่างจากสถานพยาบาล ไม่ได้ป่วยทิพย์หวังเงินประกัน ส่วนการฟ้องร้องตนเองอยู่ระหว่างปรึกษาทนายเพื่อดำเนินการ 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวยอดนิยม