ข่าว

อสส. ตีกลับสำนวน "รัชฎา" เรียกรับสินบน ให้ ป.ป.ช. ชี้ไม่สมบูรณ์พอดำเนินคดี

"ทนายความอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ" เผย สำนวน ป.ป.ช. ไม่สมบูรณ์พอดำเนินคดีเรียกรับสินบน เตรียมตั้ง คกก.ไต่สวนร่วม

ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลจาก นายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่า เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้รับหนังสือจากสำนักงานอัยการสูงสุดว่า สำนวนคดี ป.ป.ช ที่ชี้มูลนายรัชฎา และพวกรวม 8 คน กรณีเรียกรับเงินสินบนโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด จำนวน 98,000 บาท ที่นายชัยวัฒน์  ลิ้มลิขิตอักษร แจ้งความจับกุมนั้น 

 

อัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวแล้วมีความเห็นว่า สำนวนของ ป.ป.ช. มีข้อไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีได้ พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ไต่สวนให้ปรากฏว่า

ปปป. บุกห้องทำงานนายรัชฎา เมื่อ 27 ธ.ค. 65

1. การกระทำของนายรัชฎา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ในคดีนี้ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169 ตามที่คณะ กก.ป.ป.ช มีมติชี้มูล เนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เรียกรับโดยมิชอบ มิใช่ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากการให้โดยเสน่หา ตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติดังกล่าว


          
2. การกระทำของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ในคดีนี้ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 (ฐานเรียกรับสินบน) และพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2561 มาตรา 173 ตามที่คณะกก.ป.ป.ช มีมติชี้มูล แต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และการที่ผู้กล่าวหา นำเงินไปมอบให้นายรัชฎา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ในวันที่ 27 ธ.ค65 ในคราวเดียว การกระทำความผิดของนายรัชฎาในคดีนี้จึงเป็นในความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148,157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2561 มาตรา 172 เพียงกรรมเดียว


           
3. การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ถึงที่ 8 (ผู้ถูกกล่าวอ้างเป็นเจ้าของเงินของกลาง) ในคดีนี้ไม่เป็นความผิดตามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 (ฐานให้สินบน) ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2561 มาตรา 176 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ตามที่คณะกก.ป.ป.ช มีมติชี้มูล
 

ทนายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ

ทั้งนี้เมื่อความเห็นระหว่างอัยการสูงสุด และ ป.ป.ช. ต่างกัน เช่นนี้ จึงต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่ายขึ้นมา เพื่อพิจารณาไต่สวนข้อไม่สมบูรณ์ร่วมกันต่อไป ซึ่งหากไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ อัยการสูงสุดจะสั่งคืนสำนวนทั้งหมดให้ ปปช. เพื่อให้ ปปช. พิจารณาว่า จะยื่นฟ้องร้องคดีนี้ต่อไปเองหรือไม่

          
นอกจากคดีนี้แล้วในส่วนซองเงินอื่นๆ ที่เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจับกุมได้ตรวจยึดไว้ในห้องทำงานของนายรัชฎา ทาง ป.ป.ช.ได้ ไต่สวนแยกสำนวนนายรัชฎากับพวกรวม 12 คน ออกไปอีกหนึ่งคดี และมีมติชี้มูล แต่อัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนแล้วแจ้งข้อไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีได้ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคดีนี้เช่นกัน


           
นายวราชันย์ แจ้งความคืบหน้าขณะนี้นายรัชฎาตัดสินใจยื่นฟ้องนายชัยวัฒน์ไว้ต่อศาลอาญา ในข้อหาแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จซึ่งศาลอาญาสั่งคดีมีมูลแล้ว โดยในวันอังคารหน้าจะเริ่มมีการสืบพยานแล้ว นอกจากนี้นายรัชฎายังได้ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้เข้าตรวจค้นจับกุมไว้ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เกี่ยวกับการตรวจค้นจับกุมไม่ชอบ ไม่มีหมายค้น ไม่มีหมายจับ ไม่เป็นการจับที่เป็นความผิดซึ่งหน้า และความผิดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล โดยปัจจุบันคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์เช่นกัน

ข่าวยอดนิยม