ข่าว

โรคฉี่หนู เริ่มระบาดหนัก ภาคอีสานตายแล้ว 2 แพทย์เผยวิธีป้องกัน

โรคฉี่หนู ระบาดรุนแรง 4 จังหวัด ภาคอีสานพบผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว 2 ราย จากจำนวน 98 ราย แพทย์เผยวิธีป้องกันการติดเชื้อ รวมทั้งมีอาการผิดปกติต้องทำยังไง

เชื้อโรคมักติดจากการแช่น้ำ

6 ก.ย. 2567 ที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา นพ.ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ช่วงนี้ประเทศไทยมีฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมขัง หากเดินลุยน้ำ ย่ำโคลนด้วยเท้าเปล่า อาจทำให้เชื้อโรคไข้ฉี่หนูปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายได้ โดยโรคฉี่หนู มักแพร่ระบาดในช่วงฤดูฝนหรือเกิดพายุมรสุม สาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์ เช่น หนู หมู วัว ควาย สุนัข แพะ แกะ และปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน้ำ ลำคลอง แอ่งน้ำขังเล็กๆ และพื้นดินโคลนที่ชื้นแฉะ

 

เชื้อนี้มีชีวิตอยู่ได้นานเป็นเดือน สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ทางบาดแผลหรือรอยถลอก รอยขีดข่วน หรืออาจชอนไชผ่านผิวหนังที่อ่อนนุ่ม จากการแช่น้ำนานๆ หรือรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ ในระยะแรกผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายกับโรคติดเชื้อทั่วไป

แต่สังเกตความแตกต่างได้ คือ หลังติดเชื้อประมาณ 2-10 วัน จะเริ่มมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะบริเวณน่องและโคนขา ร่วมกับมีอาการหนาวสั่น บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และตาแดง หากมีอาการดังกล่าวหลังเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือแช่น้ำนาน ขอให้นึกถึงโรคนี้ และรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว และแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำหรือย่ำโคลนให้แพทย์ทราบ

 

การรักษาอย่าซื้อยามารับประทานเอง เพราะทำให้อาการรุนแรง เช่น ตับไตวาย ซึ่งข้อมูลการเสียชีวิตจากโรคฉี่หนูที่ผ่านมาพบว่าส่วนใหญ่มาพบแพทย์ช้า

 

สำหรับสถานการณ์โรคไข้ฉี่หนูในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 2 ก.ย. 2567 พบผู้ป่วยจำนวน 98 ราย เสียชีวิต 2 ราย แยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้ จ.นครราชสีมา มีผู้ป่วย 36 ราย เสียชีวิต 1 ราย , จ.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 23 ราย , จ.สุรินทร์ มีผู้ป่วย 20 ราย เสียชีวิต 1 ราย และ จ.ชัยภูมิ มีผู้ป่วย 19 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์

 

กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 65 ปี ขึ้นไป รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 55-64 ปี ขึ้นไป และ 45-64 ปี ตามลำดับ

 

วิธีป้องกันโรคฉี่หนู

 

  1. หลีกเลี่ยงการแช่น้ำเป็นเวลานาน หรือเดินลุยน้ำย่ำโคลนด้วยเท้าเปล่า โดยเฉพาะผู้ที่มีบาดแผลหรือรอยขีดข่วนที่เท้าต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำควรสวมรองเท้าบูท หากมีบาดแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ รีบทำความสะอาดบาดแผลและร่างกายหลังลุยน้ำ
  2. ล้างมือล้างเท้าด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ
  3. รับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ อาหารค้างมื้อควรเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด และอุ่นให้เดือดก่อนรับประทาน
  4. หากทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลดควรสวมถุงมือยางและรองเท้าบูท เก็บขยะ เศษอาหารในถังที่มีฝาปิดมิดชิด หรือทิ้งในถุงพลาสติกและมัดปากถุงให้แน่น เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนู
  5. หากมีไข้สูง ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่น่อง หลังสัมผัสพื้นที่น้ำขัง ดินที่มีโอกาสปนเปื้อนปัสสาวะสัตว์ ห้ามซื้อยามารับประทานเอง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติเสี่ยงให้ทราบ

 

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

ข่าวยอดนิยม