เปิดช่องทาง วิธี ผูกพร้อมเพย์ เตรียมรับเงิน ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟสแรก | คมชัดลึก

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต เฟสแรกสำหรับ กลุ่มเปราะบาง จำนวน 14.5 ล้านคน ซึ่งประกอบด้วย ผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ 12.4 ล้านคน และผู้พิการ 2.1 ล้านคน โดยจะเป็นการโอนเงินเข้าสู่ระบบ พร้อมเพย์ ที่เชื่อมกับเลขบัตรประชาชน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25-28 ก.ย.67 โดยแบ่งตามวันที่ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ ผูกพร้อมเพย์ มี วิธีผูกพร้อมเพย์ ดังนี้

วิธีผูกพร้อมเพย์

ก่อนที่จะสมัคร พร้อมเพย์ สิ่งที่ต้องมีอย่างแรกเลยคือ บัญชีธนาคารของธนาคารที่เราจะผูก และสมัครบริการ Mobile Banking แล้วเรียบร้อย ถ้ายังไม่มีบัญชีธนาคารหรือ Mobile Banking ต้องสมัครที่ธนาคารและดาวน์โหลดแอปก่อน และทำตามขั้นตอนได้เลย แต่สำหรับใครที่ไม่ถนัดทำเองก็สามารถไปทำที่ธนาคารได้

ช่องทางในการผูกพร้อมเพย์ ผ่าน 3 ช่องทาง

• ติดต่อสาขาธนาคารที่มีบัญชีออมทรัพย์ 
• ดำเนินการผ่านตู้เอทีเอ็ม
• ผ่านแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง

ส่วนการโอนเงินให้ผู้พิการ กรมบัญชีกลางมีบัญชีอยู่แล้ว ซึ่งจะมีการโอนเข้าบัญชีตามกำหนดวันที่ 25 ก.ย. 67 นี้

ปัจจุบันมีผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.5 ล้านคน โดยมีผู้ที่ ผูกบัญชีพร้อมเพย์ กับเลขบัตรประชาชนสำเร็จแล้วประมาณ 11 ล้านคน ขณะที่ส่วนที่ยังไม่มีบัญชีพร้อมเพย์กับบัตรประชาชนกว่า 2 ล้านคน โดยขอให้กลุ่มนี้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อให้ได้สามารถรับเงินได้ตามกำหนด

ทั้งนี้ หากทำไม่ทันตามกำหนดจะต้องรอรับเงินในรอบถัดไป โดยอย่างช้าที่สุดไม่เกินสิ้นปีนี้ ไม่เช่นนั้นเงินจะถูกโอนกลับเข้าคืนรัฐ
 

โอนเงินเข้าสู่ระบบ พร้อมเพย์ ที่เชื่อมกับเลขบัตรประชาชน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25-28 ก.ย.67 โดยแบ่งตามวันที่ ดังนี้

• วันที่ 25 ก.ย.67 สำหรับผู้พิการ 2.1 ล้านคน และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่บัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 0
• วันที่ 26 ก.ย.67 สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่บัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 1, 2 และ 3
• วันที่ 27 ก.ย.67 สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่บัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 4, 5, 6 และ 7
• วันที่ 30 ก.ย.67 สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่บัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 8 และ 9

"โดยการจัดกลุ่มการโอนเงินแต่ละวันให้กับผู้ได้รับสิทธิ เพื่อไม่ให้กระทบการจ่ายเงินเดือน และอื่นๆ เฉลี่ยจะจ่ายเงินให้ผู้รับสิทธิกลุ่มดังกล่าววันละ 4-5 ล้านคน"