อิทธิพล "พายุซูลิก" นครพนม ฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำโขงจ่อวิกฤตอีกครั้ง
อิทธิพล "พายุซูลิก" นครพนม ฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำโขงทรงตัว จ่อวิกฤตอีกครั้ง เจ้าหน้าที่เดินเครื่องสูบน้ำ 7 จุด เร่งระบายน้ำจากตัวเมืองลงสู่น้ำโขง
20 ก.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อิทธิพลของพายุซูลิก ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยทางจังหวัดนครพนม ส่งผลให้เกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา โดยปริมาณฝนที่ตกหนักสุดอยู่ที่อำเภอเมือง วัดได้ 70. มม. โดยฝนตกอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ ประมาณ 18.00 น. และตลอดทั้งคืนแต่ไม่หนักมากนัก เทศบาลเมืองนครพนม ได้เตรียมพร้อมรับมือ เดินเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ ในจุดเสี่ยงรวมกว่า 7 จุด ที่มีการติดตั้งเสริมเครื่องสูบน้ำอัตโนมัติ ระบบไฟฟ้าที่มีอยู่แล้ว ตามจุดระบายน้ำจากตัวเมืองลงสู่น้ำโขง
สำหรับเช้าวันนี้ระดับน้ำโขงอยู่ที่ระดับ 11.60 เมตร ลดลงจากเมื่อวานนี้ 17 เซนติเมตร ห่างจากจุดเฝ้าระวังล้นตลิ่ง ที่ 40 เซนติเมตร คือ ที่ 12 เมตร ซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่สูงอยู่ ทำให้มวลน้ำในพื้นที่ รวมถึงลำน้ำสาขา ไหลระบายลงน้ำโขงช้า ยิ่งหากมีฝนตกต่อเนื่องลงมาอีก จะต้องเดินเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเร่งระบายมวลน้ำลงน้ำโขงให้เร็วที่สุด ป้องกันน้ำรอระบายเอ่อท่วมตัวเมือง ย่านชุมชนเศรษฐกิจการค้า
ส่วนปัญหาน้ำโขงเอ่อล้นทะลักท่วมตัวเมืองนครพนม รวมถึง 4 อำเภอที่อยู่ริมน้ำโขง มี อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.เมืองนครพนม และ อ.ธาตุพนม มีโอกาสยาก เพราะระดับเขื่อนป้องกันตลิ่งสูง สามารถรองรับน้ำโขงได้ถึง 15 เมตร จะมีเพียงพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่การเกษตรติดแม่น้ำโขง ที่ได้รับผลกระทบบ้าง นอกจากนี้หากยังมีฝนตกหนักต่อเนื่องอีกหลายวัน คาดว่าระดับน้ำโขงจะทรงตัว ไม่ลดระดับไปกว่านี้มากนัก เนื่องจากยังมีมวลน้ำจากหลายพื้นที่ไหลมาสมทบ
สำหรับพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักสุด คือ อ.ศรีสงคราม จ.นคพรนม เนื่องจากเป็นจุดรวมน้ำสาขาสายหลัก ทั้งลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม ไหลมารวมกัน ก่อนไหลลงแม่น้ำโขง ที่ อ.ท่าอุเทน แต่ในช่วงน้ำโขงสูงหนุน ทำให้ไม่สามารถระบายลงน้ำโขงได้ ล่าสุดมีปริมาณเกินความจุถึงร้อยละ 50 จนเอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตร และนาข้าว จำนวนกว่า 60,000 ไร่ โดยหน่วยงานเกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเร่งสำรวจให้การช่วยเหลือชดเชยเยียวยา รวมถึงได้รับผลกระทบไม่มีพื้นที่เลี้ยงสัตว์การเกษตร โค กระบือ เริ่มขาดหญ้า
นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือน ของชาวบ้าน บางส่วน เกิดน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะพื้นที่ ต.ท่าบ่อสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เริ่มได้รับผลกระทบ เนื่องจากพื้นที่เป็นลักษณะแอ่งกระทะ ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วม ถือเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากเกือบทุกปี ชาวบ้านจึงสร้างบ้านเป็นแบบยกสูง พอน้ำมาต้องอาศัยอยู่ชั้นบน โดยมีภาครัฐให้การดูแลช่วยเหลือ จนกว่าระดับน้ำลดลงเป็นปกติ