ข่าว

เปิดใจ "น้องเนย" หายออกจากบ้าน 7 วัน รับหนีไปเพราะคึกคะนอง อยากลองใช้ชีวิต

เปิดใจ "น้องเนย" หายออกจากบ้าน 7 วัน รับหนีไปเพราะคึกคะนอง อยากลองใช้ชีวิต

26 ก.ย. 2567

เปิดใจ "น้องเนย" หายออกจากบ้าน 7 วัน รับหนีไปเพราะคึกคะนอง อยากลองออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ทนไม่ไหว ถูกใช้งานเหมือนทาสรับใช้

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.บางบัวทอง พบ น.ส.บี (นามสมมุติ) พร้อมกับ น้องเนย ลูกสาววัย 14 ปี ได้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง หลังจากที่ครอบครัวได้ไปรับ น้องเนย​ และวัยรุ่นชายอีก 2 คน จากที่บริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์ จ.สมุทรปราการ​ เพื่อกลับมาบ้าน หลังได้รับแจ้งจากทางบริษัทรักษาความปลอดภัยว่าทั้ง 3 คนได้ไปสมัครงาน และทางบริษัทเห็นข่าว จำได้ ว่าเป็นน้องๆ ที่ ครอบครัว ตามหา 

 

 

น.ส.บี (นามสมมุติ) แม่ของน้องเนย ผู้เสียหาย เปิดใจกับทีมข่าวว่า รู้สึกดีใจมาก​ที่เจอลูกสาวหลังจากหายออกจากบ้านไปนาน 7 วันเต็ม​ พอทางครอบครัวของ เด็กผู้ชายอายุ 16 ปี ได้ไปรับทั้ง 3 คน แล้วพามาส่งที่ สภ.บางบัวทอง ตนก็เฝ้ารอจนได้พบลูกสาว ถึงกับวิ่งไปกอด และไม่ได้ดุด่าว่าอะไรน้อง​ เพราะรู้สึกเป็นห่วงและคิดถึงมากกว่า​ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ให้พาน้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล​ และเดินทางมาให้ปากคำกับอีกครั้งที่สถานีตำรวจ 

 

จากการพูดคุยกับน้องเนย น้องปลอดภัยดี ไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด​ ส่วนสาเหตุที่หนีไปก็เป็นความคะนองของเด็ก แต่ช่วงหลังๆ น้องบอกว่า น้องเริ่มอยากกลับบ้านและพยายามขอฝ่ายชายกลับบ้าน แต่ถูกฝ่ายชายบังคับไม่ให้กลับ​ ส่วนโทรศัพท์มือถือ ของน้องฝ่ายชายก็นำไปขาย​ ถึงอย่างไรแม่ก็จะดำเนินคดีกับฝ่ายชายให้ถึงที่สุด แต่ถ้าถามว่าโกรธเกลียดฝ่ายชายไหม ไม่ได้โกรธเกลียดขนาดนั้นเพราะต้องยอมรับว่าลูกสาวเราผิดที่ออกไปกับเขา และตอนนี้ลูกก็ได้เรียนรู้แล้วว่าการออกไปเผชิญโลกภายนอก โดยที่ไม่มีพ่อมีแม่เป็นอย่างไร 

 

ทีมข่าวยังได้มีโอกาสพูดคุยกับ น้องเนย เท่าที่สังเกตมีลักษณะสดใส ร่าเริง​ และยังเปิดใจบอกกับทีมข่าวตรงๆ ว่า ที่หนีออกจากบ้านเพราะความคึกคะนอง อยากลองออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง และยอมรับว่ากำลังคุยอยู่กับ ฝ่ายชาย จึงอุ่นใจที่จะออกไปใช้ชีวิตด้วยกัน​ แต่พอออกไปได้ 2-3 วัน ปรากฏว่าเริ่มไม่ค่อยสนุก ไม่มีความสุขเลย​ เพราะถูกฝ่ายชายใช้ให้ซักผ้า​ ใช้ให้ทำนู่นทำนี่เหมือนเป็นทาสรับใช้

 

 

น้องเนย

 

ส่วนโทรศัพท์มือถือของตนก็นำไปขาย​ และไม่ให้ตนติดต่อกับใคร หากจะใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อดูโซเชียลก็ให้ใช้ของฝ่ายชาย และกำหนดให้ดูเป็นชั่วโมงด้วย จึงขอกลับบ้าน แต่โดนข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย จึงไม่สามารถหนีออกมาได้​ ส่วนผู้ชายอีกคนหนึ่ง อายุ 16 ปี ที่ติดตาม ฝ่ายชาย มาด้วย ก็อยากกลับบ้านเช่นกัน แต่ก็กลับไม่ได้แล้วเพราะถูกข่มขู่จะทำร้ายร่างกายเหมือนกัน 

 

ขณะที่วันนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำ นายฐนกร​ (สงวนนามสกุล) อายุ​ 20 ปี​ ชายที่พาน้องเนยหลบหนีออกจากบ้าน เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนได้พูดคุยกับน้องเนยผ่านทาง Social มาประมาณ เกือบ 1 เดือน จนวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา น้องเนย ทักมาบอกว่าอยากมาหาตนที่บ้าน ตนก็ให้มา จากนั้นช่วงเย็นตนและ ผู้ชาย อายุ 16 ปี ที่เป็นเจ้าของบ้าน ก็พาน้องเนยไปส่งขึ้นรถเมล์กลับบ้าน 

 

แต่ระหว่างทางน้องเนยก็ได้ทักมาหาว่าอยากไปอยู่ด้วยยังไม่อยากกลับบ้านเพราะทะเลาะกับพ่อแม่​ ตนก็ตามใจก็กลับมานอนที่บ้าน แล้วน้องเนยก็บอกว่าตอนเช้าจะกลับบ้าน ปรากฏว่าหลังจากนั้นน้องเนยก็ไม่กลับบ้านบอกว่า "อยู่กับพี่แล้วสบายใจ" ซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่าหากเป็นแบบนี้คนที่ถูกดำเนินคดีก็จะเป็นตน ต่อให้ตนจะให้การแบบไหนก็ตาม จึงพยายามไล่ให้น้องเนยกลับบ้านแต่น้องไม่ยอมกลับ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร 

 

 

ฝ่ายชาย

 

 

หลังจากนั้นน้องเจ้าของบ้านก็ทะเลาะกับแม่และถูกไล่ออกจากบ้าน พวกตนจึงคิดว่าจะออกไปใช้ชีวิตกัน จึงไปเช่าห้องพักที่ท่าน้ำนนท์อยู่อาศัย​ ระหว่างนั้นก็เสิร์ทหางานทำ เพราะน้องผู้ชายที่ออกมากับตนนั้นอยากจะทำงานมาก จนไปได้งานที่ศรีนครินทร์ ก็จึงพากันนั่งรถแท็กซี่ไปสมัครงาน​ ก่อนจะโดนจับได้ 

 

ทีมข่าวสอบถามว่า โทรศัพท์มือถือของน้องเนยไปไหน ตอนแรกบอกกับทีมข่าวว่าโทรศัพท์ของน้องพัง ทีมข่าวจึงถามซ้ำว่าทราบว่าเอาไปขาย จึงยอมรับสารภาพ​ว่า​เอาไปขายจริง ซึ่งน้องเนยเป็นคนให้ไปขาย เพราะอยากช่วยค่าใช้จ่าย แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้บังคับขู่เข็ญใดๆ ไม่ได้ทำร้ายร่างกายใดๆ ส่วนความรู้สึกที่มีให้กับน้องเนยก็ยังคงรักและห่วงใย แต่เชื่อว่าครอบครัวของน้องเนย คงจะไม่ให้อภัยตนอย่างแน่นอน 

 

ด้าน​ พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง​ เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่าจากกรณี น้องอายุ 14 ปี หายตัวออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา จนกระทั่งมาพบตัวน้องเมื่อตอนตี 1 ของวันที่ 25 ก.ย. 2567 โดยทางฝั่งครอบครัวของน้องเป็นคนได้รับแจ้งและพาทั้ง 3 คนมาที่ สภ.บางบัวทอง​ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ผู้เสียหายฝั่งน้องผู้หญิงไปตรวจร่างกาย​ และรอผลยืนยันอีกประมาณ 15 วัน​ แล้ววันนี้ได้เรียกมาสอบปากคำกับพนักงานสอบสวน​ 

 

ส่วน ผู้ชาย​ อายุ​ 20 ปี​ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจปัสสาวะพบว่ามี สารเสพติด อยู่ในร่างกายจึงได้ควบคุมตัวไว้ในห้องขัง​ และแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ​ และข้อหาพรากผู้เยาว์ อายุต่ำกว่า 15 ปี ไปจากบิดามารดา ส่วนข้อหาอื่นๆ อย่างคงต้องรอการสอบปากคำและรอการพิสูจน์ต่อไป​ ส่วน น้องผู้ชาย อายุ 16 ปี อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่เรียกมาสอบปากคำ

 

 

โดย : สุรสิทธิ์ สินประเสริฐ