ท้องฟ้าร่ำไห้ วันส่ง 23 ร่าง เหยื่อรถบัส ชาดา เดินเก็บขยะ อยากให้เป็นงานศพสวยที่สุด | คมชัดลึก

8 ตุลาคม 2567 เมื่อเวลา 06.00 น. บรรยากาศในช่วงเช้าที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ตำบลลานสัก อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี จิตอาสาต่างเร่งจัดเตรียมสถานที่บริเวณสนามฟุตบอลบนเนื้อที่ 7 ไร่ ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ โดยฝนได้โปรยปลายมาท้องฟ้ามืดคลรึ้ม 

 

จากการสอบถามผู้ที่มาร่วมงานนั้นบอกว่าเหมือนฟ้าจะร่ำไห้ ให้กับนักเรียน และครูที่เสียชีวิตทั้ง 23 ร่าง โดยประชาชนนั้นต่างเดินทางมาแต่เช้าเพื่อจะมาร่วมพิธีโดยผู้ใจบุญที่ทำโรงทาน ต่างก็เร่งทำอาหารเพื่อให้เพียงพอต่อผู้ที่มาร่วมงานกันอย่างไม่ท้อถอย 

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวนั้นได้เจอนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.จังหวัดอุทัยธานีละนำรถนอนเคลื่อนที่มาจอดนอนที่บริเวณหน้าห้องน้ำหรือบริเวณศาลาเอนกประสงค์ที่ใช้สวดอภิธรรม และตื่นเช้ามาเดินเก็บขยะกับผู้ที่ติดตามด้วยตัวเอง โดยได้บอกกับเจ้าหน้าที่ที่มาร่วมกันจัดงานนั้นว่างานศพของนักเรียนและครูที่เสียชีวิตทั้ง 23 รายจะเป็นงานที่สวยที่สุดเพื่อเป็นการไว้อาลัยครั้งสุดท้าย 

 

 

สำหรับ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จะเริ่มในช่วง 12.30 น. โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธาน ประกอบพิธีพระราชทานเพิลงศพซึ่งบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าตั้งแต่ช่วงเช้าซึ่งทั้งจิตอาสาจำนวนกว่า 1,000 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 500 นาย และอาสากู้ภัยมูลนิธิต่างๆ เจ้าหน้าที่อาสามัครรักษาดินแดนจำนวน 300 นาย ได้ร่วมใจกันเพื่อทำงานรวมถึง นักเรียนนั้นต่างคาดว่ากว่า 300 คน ก็เริ่มเข้ามาเพื่อช่วยงานกันอย่างเต็มที่

 

 

 

ท้างด้านของ นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี และนายเนรมิตร ศรีเมือง สัปหร่อไฮโซ ได้ร่วมกันทำพิธีบวงทรวงบริเวณหลังเตาเผาเพื่อไหว้เจ้าที่เจ้าทางและไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อโดยมีเครื่องเซ่นไหว้ หมูไก่ ขนม และอาหารคาว โดยในโต๊ะทำพิธีนั้นได้มีมีดหมอและมะพร้าวซึ่งจะนำมาทำพิธีล้างหน้าศพ

 

โดยพิธีนั้นทาง นายเนรมิตร ศรีเมือง และทีมเจ้าพิธีกรรมหรือทีมสัปหร่อได้ร่วมกันทำน้ำมนต์ศาลซึ่งเป็นความเชื่อที่สืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณที่ทำกันมา โดยที่เจ้าพิธีกรรมหรือสัปหร่อที่มาร่วมกันนั้นต่างก็เคยรว่มทำพิธีเผาร่างอย่างเช่นเหตุการณ์ซึนามิและเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงเด็กมาแล้ว โดยในพิธีนี้ต่างก็ร่วมแรงร่วมใจกันโดยไม่คิดค่าแรงแต่อย่างไรเพื่อให้พิธีนั้นเป็นไปด้วยดีจึงได้ทำการบวงทรวงก่อนที่จะใช้เตาเผาทั้ง 7 ในช่วงบ่าย 

 

ขณะเดียวกันประชาชนนั้นต่างก็ทยอยเดินทางมานั่งในเต้นท์โดมหน้าเตาเผากันตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว โดยตั้งใจมาไว้อาลัย 23 ศพเพื่อส่งวิญญาณกันโดยบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยประชาชนทั้งจังหวัดอุทัยธานีและประชาชนจากต่างจังหวัดที่ตั้งใจมาเพื่อแสดงความเสียใจและไว้อาลัยกันด้วยความโศกเศร้าซึ่งทางคณะจัดงานนั้นได้เตรียมพัดเป็นของที่ระลึกในงานนี้ซึ่งคาดว่าในช่วงทำพิธีนั้นคนจำนวนนับหมื่นจะมากันจนแน่นอย่างแน่นอน