ระทึก! บึ้มดังสนั่นในโรงงาน สารเคมี ฟุ้งกระจายทั่ว ต้องเร่งอพยพชาวบ้าน | คมชัดลึก

เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (18 ต.ค. 2567) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดปราจีนบุรีได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเสียง ระเบิด ภายในโรงงานแห่งหนึ่ง จากนั้นมีกลุ่มควันสีขาวลอยฟุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า และมีกลิ่นเหม็นคล้ายกับ สารเคมี ผู้นำชุมชนเร่งประกาศเสียงตามสาย และอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ จากการตรวจสอบพบว่าโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านหัวโล่ หมู่ 4 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ได้พบกับกลุ่มควันสีขาวลอยฟุ้งอยู่ภายในบริเวณโรงงานและรอบๆ โรงงาน ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มากกว่า 1,200 ราย เบื้องต้นพบรถดับเพลิงจำนวน 1 คันจอดอยู่ภายในโรงงาน และทางโรงงานได้ประกาศห้ามพนักงานหรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ โดยทางโรงงานได้มีการปิดประตูรั้ว ด้านหน้าโรงงาน พร้อมทั้งห้ามบันทึกภาพ 

 

 

ส่วนชาวบ้านพื้นที่หมู่ 4 บ้านหัวโล่ ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ประมาณ 1,200 ราย ทางผู้นำชุมชนได้ประกาศเสียงตามสายให้อพยพออกนอกพื้นที่ ส่วนอุปสรรคในการเคลื่อนย้ายหรืออพยพชาวบ้านหรือประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวนั้น เต็มไปด้วยอุปสรรคเนื่องจากว่ามีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ด้วย 

 

ต่อมาจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าหลังจากที่ผู้นำชุมชนประกาศเสียงสายชาวบ้านในพื้นที่ได้พากันอพยพ โดยใช้ทั้งรถยนต์รถเก๋งรถกระบะรถมอเตอร์ไซค์ พากันขนทั้งผู้สูงอายุ ลูกเด็กเล็กแดง จำนวนมากกว่า 50 รายไปพักบริเวณเต็นท์ริมบ่อน้ำดี ซึ่งห่างจากชุมชนประมาณ 1 กิโลเมตร โดยทางผู้นำชุมชนได้ให้ประชาชนที่อพยพมาในจุดดังกล่าวลงลายมือชื่อ และหมายเลขเบอร์โทร เอาไว้เพื่อประสานในเรื่องของการได้รับผลกระทบ 

 

ทั้งนี้ยังพบชาวบ้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ มีอาการปวดหัว เจ็บหน้าอก คลื่นไส้อาเจียน นั่งมาในรถเก๋งบริเวณจุดรวมพลอพยพบริเวณริมบ่อน้ำดี หลังจากที่ไปจอดยืนดูกลุ่มควันสีขาวที่รอยฟุ้งอยู่ในบริเวณโรงงาน ทางชาวบ้านและผู้นำชุมชนต้องเร่งนำตัวที่อาการกนัก ส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา และยังพบแรงงานต่างด้าวเป็นชาวกัมพูชาซึ่งมีห้องพักอยู่ติดกับโรงงานที่เกิดเหตุ มีอาการเจ็บหน้าอก ทางผู้นำชุมชนจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาอาการได้ทำการรักษา 

 

 

 

จากการสอบถาม คุณป้า อายุ 59 ปี แม่ค้าใกล้โรงงานที่เกิดเหตุ ทีแรกนึกว่าเสียงฝนตกแต่มองออกไป มันไม่ใช่ จากนั้นก็มีกลุ่มควันลอยพุ่งขึ้น แต่ไม่มีกลิ่น แต่พอได้สักพักกลิ่นเริ่มมาตามลม สำหรับโรงงานนี้ยังไม่เคยเกิดเหตุแต่เมื่อวานนี้เกิดสารเคมีรั่วไหลมีผู้ได้รับสารเคมีหลายราย 

 

ด้านชาวบ้านหมู่ 4 อายุ 60 ปี กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 14:00 น ของวันที่ (18 ต.ค. 2567) ที่ผ่านมา ได้กลิ่นเหม็นไข่เน่า หลังจากนั้นได้มีคนมาแจ้งและได้พากันออกจากหมู่บ้าน เบื้องต้นไม่ทราบว่าเป็นกลิ่นอะไร จากนั้นก็มีผู้นำชุมชนมาแจ้งจึง ได้รู้ว่าสารเคมีรั่วไหล จึงได้พากันหนีออกมา สวนทางโรงงานเอง ก็ไม่ได้มีการประกาศว่าเกิดอะไรขึ้นภายในโรงงาน ส่วนเหตุการณ์เพิ่งเกิดเกิดครั้งนี้เป็นครั้งแรกในเรื่องของกลิ่นมีมาอยู่เป็นประจำ 

 

 

 

 

ทางด้าน นายสมคิด แสงสุข สารวัตรกำนันตำบลท่าตูม เจ้าของพื้นที่ที่เกิดเหตุ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เบื้องต้นตนได้อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด ตอนเกิดเหตุได้ยินเสียงเหมือน คล้ายเสียงระเบิด จากนั้นก็มีกลุ่มควันขึ้นบริเวณโรงงาน หลังจากนั้นกลุ่มควันดังกล่าว ได้ลอยเข้าไปในหมู่บ้าน 

 

เบื้องต้นคาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวต่อเนื่องวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา ช่วงกลางคืน โรงงานดังกล่าวได้เกิดสารเคมีรั่วไหลและมีแรงงานชาวพม่า ได้สูดดมสารเคมี ซึ่งทางโรงงานได้พา กลุ่มแรงงานที่ได้สูดดมสารเคมีเข้าไปรักษา ตามโรงพยาบาลเอกชน แล้วมาวันนี้ก็ได้เกิดเหตุการณ์ใหม่ซ้ำ หลังจากเกิดเหตุเสียงระเบิดและมีกลุ่มควันสีขาวตนจึงให้ชาวบ้านอพยพหนีออกมาก่อน เพราะเนื่องจากยังไม่ทราบว่าสารที่รั่วไหลออกมา จะเป็นอันตรายกับชาวบ้าน หรือไม่ ซึ่งได้นำชาวบ้านออกมาจำนวนหนึ่งก็เหลือเพียงแต่ พวกที่เป็นต่างด้าว โดยพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง ส่วนโรงงานที่เกิดเหตุยังไม่มีการแจ้ง เพียงแต่ได้รับเรื่องมาจากในเครือของดับเบิ้ลเอ ว่าให้ผู้นำชุมชนนำชาวบ้านออกมาก่อนเท่านั้น 

 

 

 

 

ทางด้าน นายวิลาศ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ผญบ.ม.4 จากเหตุการณ์เมื่อวาน ที่มีสารเคมีรั่วไหล ทางตน ได้เข้าไปสอบถาม กับทางโรงงาน โดยบอกกับตนเพียงว่า บริเวณฝาถังสารเคมีมีแค่ไอออกมาพอดีทางพนักงาน ได้รับกลิ่น และเกิดอาการเวียนหน้าปวดหัว แต่มาวันนี้เกิดเหตุทางโรงงานกลับไม่แจ้ง ทางชุมชนให้ทราบ ซึ่งตนเองก็ได้รับทราบเรื่องจากสารวัตรกำนัน จึงได้มีการประกาศเสียงตามสายให้กับชาวบ้านได้ทราบ จริงแล้วถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทางโรงงานจะต้องแจ้งให้กับชาวบ้านผู้นำชุมชนได้รับทราบ 

 

เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าโรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานผลิตสารลดแรงตึงผิวในเครื่องสำอาง โดยมีส่วนประกอบของกรดซัลฟิวริก ซึ่งกรดซัลฟิวริกจะเป็นตัวใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสารเคมี ใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ใช้เป็นตัวปรับสภาพค่าในกระบวนการผลิต ใช้เป็นตัวสกัดแรกใช้เป็นตัวทำความสะอาดชิ้นงานใช้เป็นสารอิเล็กโตร์ไลต์อุตสาหกรรมเคมี ซึ่งศาลดังกล่าวสามารถละลายผิวหนังชั้นนอกจนเหลือแต่กระดูก ภายใน 3-5 นาที ซึ่งหากมีการสูดดมอากาศที่ปนเปื้อนกับสารดังกล่าวจะทำให้ถึงแก่ความตาย 

 

 

 

 

ล่าสุดทาง นางจุฑามาศ บัวเผื่อน นายอำเภอศรีมหาโพธิ พร้อมด้วย นายโยธิน พงษ์อ้อ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่บริเวณภายในโรงงานพบว่าเป็นโรงที่ 5 ซึ่งไม่สามารถ เข้าไปในภายในได้เนื่องจาก ยังมีสารตกค้างและกลิ่นยังรุนแรงอยู่ ซึ่งในขณะนี้ทางโรงงานได้มีการ นำพัดลมระบายควันออกและใช้ม่านน้ำสกัดกลิ่น เพื่อไม่ให้ฟุ้งกระจาย จนกว่าจะมีการระเหยออกหมด จึงจะได้เข้ากำจัดสารเคมีดังกล่าว พร้อมตรวจสอบอีกครั้งถึงสาเหตุที่เกิดการระเบิดขึ้น เบื้องต้นได้มีการประชุมกับทางเจ้าหน้าที่และผู้จัดการโรงงาน โดยทางนายอำเภอสั่งระงับหยุดการผลิตของโรงงานจนกว่าทางโรงงานจะมีการแก้ไข และได้ให้ทางรถดับเพลิงฉีดพ่นน้ำเพื่อเป็นม่านน้ำ เพื่อเป็นการป้องก้นควันไม่ให้กระจายออกไปนอกพื้นที่

 

นางจุฑามาศ บัวเผื่อน นายอำเภอศรีมหาโพธิ กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่ามีการระเบิดชาวบ้านได้ยินเสียงและได้กลิ่นควัน จึงได้ลงพื้นที่ตรวจพบว่ามีกลุ่มควันจางๆ จึงได้สอบถามทราบว่า บ. ผลิตเคมีภัณฑ์ในเบื้องต้นทราบว่าเป็นสารลดแรงตึงผิว แต่ยังไม่ทราบว่าใช้ในการทำอะไร ประกอบด้วยสารเคมี 3 ประเภท คือ ไอโซบิวเทน อะคริโลไนไตรล์ กรดซันฟิวริก ตอนนี้ในตัวโรงงานเองก็ยังมีควันอยู่ ส่วนด้านนอกเราใช้รถดับเพลิงฉีดทำม่านน้ำเพื่อที่จะซับควันไม่ให้กระจายออกไป ตอนนี้ในชุมชนใกล้เคียงโรงงานมีการอพยพไปอยู่กันที่ศาลาประชาคม ม.4 บ้านบุยายใบ และมีรถพยาบาลไปสแตนบายปฐมพยาบาลในเบื้องต้น และถ้าเกิดมีอาการรุนแรงก็จะนำส่งโรงพยาบาล 

 

 

 

 

ทั้งนี้ได้รับแจ้งว่ามีคนงานต่างด้าวได้รับอันตรายจากการสูดดมสารเข้าไปเข้าระบการรักษาตัวที่ รพ.จุฬารัตน์ 304 ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่ทราบว่าเป็นที่ไหนเราพยายามสืบจนทราบ ทำเพื่อได้รับบาดเจ็บมีอาการเวียนศีรษะคลื่นไส้อาเจียน ขณะนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทางแพทย์บอกว่าต้องสังเกตอาการ 48 ชั่วโมง เมื่อเช้าทางสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน ประกันสังคม ปภ.จังหวัดปราจีนบุรี สาธารณสุขจังหวัด เข้ามาดูบริเวณที่เกิดเหตุทราบว่าเป็นที่เดียวกับอาคารที่เกิดเหตุในวันนี้ 

 

จากการพูดคุยทราบว่ามีอุปกรณ์ตัวนึงเกิดขัดข้องจากการทำงานจึงให้คนดูแลเปิดฝาแล้วอาจจะใช้อะไรกระทุ้งเข้าไปในถังนั้น ซึ่งปกติมันจะต้องหมุนแต่มันไม่หมุนเหมือนมีอะไรเข้าไปอุดตันทำให้มีกลิ่นไอขึ้นมา คนที่ไปกระทุ้งเขาถอดหน้ากากเช็ดเหงื่อก็เลยสูดดมเข้าไป จึงทำให้แน่นหน้าอกวิงเวียนและได้นำส่งโรงพยาบาล ทางอุตสาหกรรมจังหวัดได้สั่งระงับการผลิตทางวันจันทร์ อังคารนี้จะมีหนังสือมาให้ที่โรงงาน รายการอนุญาตของ อบต.ได้สั่งระงับแล้ว โรงงานนี้ได้เปิดยังไม่ถึง 1 ปี 

 

จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ได้รับแจ้งข่าวว่ามีพนักงานโรงงานได้รับอันตรายจากการสูดดมสารเคมี เนื่องจากมีการรั่วไหล ของสานเคมีดังกล่าว เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชน จึงได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นพนักงานชาวพม่า จำนวน 5 คน ของบริษัท ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเคมีภัณฑ์ตั้งอยู่ หมู่ที่ 4 ต.ท่าตูม ในเขตสวนอุตสาหกรรม 304 ได้สูดดมสารเคมีจากการเปิดฝาท่อที่อุดตัน ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ทางบริษัทฯ ได้นำส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 เองโดยไม่มีการแจ้งให้หน่วยงานให้ทราบ ขณะนี้อาการดีขึ้นและได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ทั้งนี้อำเภอได้แจ้งข้อมูลดังกล่าวให้ทางสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ทราบแล้ว

 

สำหรับโรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานที่ผลิตเกี่ยวกับผลิตเคมีภัณฑ์อนินทรีย์ (โรงงานผลิตสารลดแรงตรึงผิวในเครื่องสำอาง) และ (สารลดแรงตึงผิวในระบบบำบัดน้ำ) โดยมีกรดIsobutene (ไอโซบิวทีน) Acrylonitrile (อะคริโลไนไตรล์) Sulphuric acid(กรดซัลฟิวริก หรือกำมะถัน) เป็นสารเคมีที่ใช้ในการผลิต ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

 

 

โดย : สายชล หนูแดง / ทัตธน เหล่าหล้า