จับคาผ้าเหลือง สามเณร หลอกทำบุญกฐิน อ้างเอาไปสร้างวัด แต่เก็บเงินไว้ใช้เอง
จับคาผ้าเหลือง สามเณรวางถังกฐิน ตามร้านค้า หลอกเรี่ยไรเงินทำบุญ อ้างเอาไปสร้างวัด แต่เก็บเงินไว้ใช้เอง ตำรวจไซเบอร์เห็นผิดสังเกต ตรวจสอบโป๊ะแตก
23 ต.ค. 2567 เมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.อ.ปรีดิ์ภาวัต ชัยเพขรโยธิน ผกก.สภ.เพ จ.ระยอง พร้อมด้วย พ.ต.ท.นพดล บุตรวงษ์ สว.กก.วิเศราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ร่วมกันจับกุม นายสุวรรณวิทย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี และ นายศุภชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ชาวนครสรรค์ พร้อมของกลางถังเรี่ยไรเงินทำบุญ จำนวน 55 ถัง ใบฎีกาสำหรับติดข้างถัง จำนวน 113 ใบ เงินสดจากการเรี่ยไรปชช. จำนวน 3,550 บาท บัญชีรายชื่อร้านค้า จำนวน 11 เล่ม รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียนกำแพงเพชร จำนวน 1 คัน
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีประชาชน และร้านค้าในพื้นที่ ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ร้องเรียนมายังตำรวจ สภ.เพ ว่ามีพระสงฆ์ 1 รูป และชายวัยรุ่น 1 คน ขับรถกระบะตระเวนนำถังเรี่ยไรให้ปชช.ทั่วไป ร่วมทำบุญทอดกฐินสามัคคี โดยข้างถังระบุข้อความ "ขอเชิญร่วมเป็น เจ้าภาพทอดผ้าป่า สมทบกฐินสามัคคี " เพื่อสมทบทุนในการสร้างศาลาการเปรียญ ทอด ณ สำนักสงฆ์สวนป่าสมุนไพร ม.5 ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี
ต่อมามี ปชช.ที่มาใช้บริการในร้านอาหาร และร้านค้า ที่พระสงฆ์ และชายวัยรุ่นคนดังกล่าวนำถังเรี่ยไรมาวาง ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อทำบุญ จำนวนหลายราย ในจำนวนนี้มีร้านอาหารของ พ.ต.ท.นพดล บุตรวงษ์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 พื้นที่ ม.1 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง รวมอยู่ด้วย โดย พ.ต.ท.นพดล ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเห็นความผิดปกติ
เพราะเมื่อกลางเดือน ก.ย. 67 ที่ผ่านมา พระสงฆ์ และชายวัยรุ่น คนดังกล่าว เคยมาวางถังเรี่ยไร และเก็บถังไปรอบหนึ่งแล้ว จึงตรวจสอบไปยังเบอร์โทรที่ติดไว้ข้างถัง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ประสานไปที่ สภ.หน้าพระลาน จ.สระบุรี เพื่อสอบถามเรื่องสำนักสงฆ์สวนป่าสมุนไพร ทราบว่าไม่มีการทำบุญทอดกฐินแต่อย่างใด โดยสำนักสงฆ์ดังกล่าวไม่มีพระจำพรรษา และเป็นสำนักสงฆ์ร้างมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 รับสารภาพว่า ได้นำถังมาเรี่ยไรตามร้านอาหารจริง และไม่ได้นำเงินที่ได้รับทำบุญไปสร้างศาลาการเปรียญสำนักสงฆ์ แต่นำไปใช้จ่ายส่วนตัว เจ้าหน้าที่จึงนำตัวสามเณรไปยังวัดเกตราสุขารมย์เพื่อให้เจ้าอาวาสทำพิธีลาสิกขา และแจ้งข้อกล่าวหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน" นำตัวส่งสภ.เพ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป