ข่าว

รพ.มงกุฎวัฒนะ ทวงหนี้ สปสช. เบี้ยวหนี้ กว่า 20 ล้านบาท ยื่น 5 ข้อ ทำเร่งด่วน

รพ.มงกุฎวัฒนะ ทวงหนี้ สปสช. เบี้ยวหนี้ กว่า 20 ล้านบาท ยื่น 5 ข้อ ทำเร่งด่วน

26 ต.ค. 2567

"เหรียญทอง แน่นหนา" โพสต์ ทวงหนี้ สปสช. เบี้ยวหนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ กว่า 20 ล้านบาท ยื่น 5 ข้อ ดำเนินการเร่งด่วน ขีดเส้นตายหยุดให้บริการ ผู้ป่วยบัตรทอง

นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เหรียญทอง แน่นหนา พร้อมรูปภาพ "สปสช.เบี้ยวหนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ" ยาวนาน 4 ปี ไม่จ่ายหนี้ค้างชำระค่าแพทย์จำนวนมากกว่า 20 ล้านบาท พร้อมกับยื่น 5 ข้อ ที่ สปสช. จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนที่สุด 

 

 

เรียนผู้ป่วย สิทธิบัตรทอง จากคลินิกปฐมภูมิส่งต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ

 

เนื่องจาก สปสช. ไม่จ่ายหนี้ค้างชำระค่าแพทย์จำนวนมากกว่า 20 ล้านบาท ตามที่ สปสช. ได้ตกลงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ซึ่งเป็น รพ.ทุติยภูมิ รับส่งต่อให้แก่คลินิกปฐมภูมิของ สปสช จำนวนมาก 

 

โดยสัญญาว่าจะหักจ่ายจากคลินิกปฐมภูมิที่ส่งตัวผู้ป่วยบัตรทองมารับการรักษากับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตามโมเดล OP-Refer และ OP-Anywhere ที่ สปสช. ประกาศใช้เมื่อ 1 มี.ค.67

 

ทั้งนี้ สปสช. นำทีมโดย พญ.ลลิตยา รองเลขาธิการ สปสช. เป็นหัวหน้าคณะ , ทพญ. น้ำเพชร ผอ.สปสช.เขต 13 และคณะ สปสช.เขต 13 ได้เดินทางมาขอความร่วมมือจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ โดยตกปากรับคำว่าจะไม่เบี้ยวหนี้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ ก.ย. 2563 อีก

 

แต่ สปสช. ได้เบี้ยวหนี้ด้วยการออกประกาศหลักเกณฑ์ไม่จ่ายค่าแพทย์ในกรณี OP-Refer และ OP-Anywhere  ในเดือน ก.ค. 2567 โดยให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 ทำให้หนี้ค่าแพทย์จำนวนมากกว่า 20 ล้านบาทที่ รพ.ต้องจ้างแพทย์เฉพาะทางกลายเป็นหนี้สูญตราบจนปัจจุบัน

 

ยังไม่นับรวมกับการลดอัตราจ่ายตามรายการ Fee schedule ที่เป็นราคากลางที่ สปสช.จะต้องหักจ่ายจากคลินิกทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะประสบปัญหาขาดทุนจำนวนมาก

 

นอกจากนี้คลินิกปฐมภูมิของ สปสช. จำนวนมากก็ "เหนียวหนี้" ปฏิเสธการจ่ายค่ารักษาพยาบาลอีกมากกว่า 30 ล้านบาท โดยเหนียวหนี้นานกว่า 7 เดือน ทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ ขาดสภาพคล่องทางการเงินจนไม่สามารถจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยบัตรทองที่ส่งตัวมาจากคลินิกปฐมภูมิของ สปสช.

 

 

นพ.เหรียญทอง แน่นหนา

 

ทั้งนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้พยายามแก้ปัญหาผู้ป่วยบัตรทองที่ส่งตัวมาจากคลินิกปฐมภูมิของ สปสช ด้วยการจ่ายยาไม่เกิน 7 วันจนในสิ้นเดือน ต.ค. 2567 นี้ รพ.มงกุฎวัฒนะไม่มีเงินที่จะจัดซื้อยาเพื่อจ่ายยาให้แก่ ผู้ป่วยบัตรทองที่ส่งตัวมาจากคลินิกปฐมภูมิของ สปสช ได้อีกต่อไปแล้ว

 

อีกทั้ง สปสช. ก็ไม่จ่ายค่าแพทย์ให้แก่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตั้งแต่ 1 มี.ค. 2567 จนถึงปัจจุบันจนมียอดหนี้สูญค่าแพทย์มากกว่า 20 ล้านบาท

 

ดังนั้นตั้งแต่ 1 พ.ย. 2567 รพ.มงกุฎวัฒนะ จึงไม่มีสภาพคล่องทางการเงินที่จะจัดซื้อยาและจ้างแพทย์เพื่อให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ส่งตัวมาจากคลินิกปฐมภูมิส่งต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ 

 

รพ.มงกุฎวัฒนะ จึงจำเป็นต้องหยุดให้บริการ ผู้ป่วยบัตรทอง ที่มาจากคลินิกปฐมภูมิส่งต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 เป็นต้นไปจนกว่า สปสช. จะเคลียร์หนี้ค่าแพทย์ตามที่ สปสช. ได้ตกลงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อ 1 มี.ค. 2567 และเคลียร์หนี้ค้างจ่ายที่คลินิกปฐมภูมิส่งตัว ผู้ป่วยบัตรทอง มารับการรักษากับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตามโมเดล OP-Refer และ OP-Anywhere ที่ สปสช. ประกาศใช้เมื่อ 1 มี.ค. 2567 ไม่ใช่อัตราที่ สปสช. ประกาศใน ก.ค. 2567 แล้วมีผลบังคับย้อนหลังอย่างผิดคำมั่นสัญญา

 

อย่างไรก็ตาม รพ.มงกุฎ วัฒนะได้เสนอหนทางแก้ปัญหาดังกล่าวต่อ สปสช. เขต 13 ด้วยการขอให้ สปสช. ขยายเพดานขึ้นทะเบียนรับผู้ป่วยบัตรทองโดยตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ จำนวน 250,000 คน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกปฐมภูมิต่างๆ โดยให้มาขึ้นทะเบียนโดยตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เดือดร้อนจากปัญหา "เบี้ยวหนี้" และ "เหนียวหนี้" อีก

 

ปัญหา "เบี้ยวหนี้" โดย สปสช. ได้เกิดขึ้นกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ จำนวน 13.2 ล้านบาท เมื่อ ก.ย. 2563 จน รพ.มงกุฎวัฒนะ ฟ้องต่อศาลปกครอง แต่ศาลปกครองไม่ได้มีความคืบหน้าในการพิจารณามานานถึง 4 ปีแล้ว จนกระทั่ง รพ.มงกุฎวัฒนะต้องประสบปัญหา "เบี้ยวหนี้และเหนียวหนี้" ในปีงบประมาณ 67 อีก ทั้งยังมากมายมหาศาลจนทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน

 

 

สปสช. เบี้ยวหนี้

 

 

ดังนั้นหาก สปสช. มีความจริงใจในการแก้ปัญหาผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกปฐมภูมิส่งต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ สปสช. จะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้อย่างเร่งด่วนที่สุด

 

1. เคลียร์หนี้ค่าแพทย์ตามโมเดล OP-Refer และ OP-Anywhere ที่ สปสช. ได้ตกลงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อ 1 มี.ค. 2567 ไม่ใช่ออกประกาศอัตราที่ สปสช.ประกาศใน ก.ค. 2567 แล้วให้มีผลบังคับย้อนหลังอย่างผิดคำมั่นสัญญา

 

2. เคลียร์หนี้ค้างจ่ายที่คลินิกปฐมภูมิส่งตัวผู้ป่วยบัตรทองมารับการรักษากับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตามโมเดล OP-Refer และ OP-Anywhere ที่ สปสช. ประกาศใช้เมื่อ 1 มี.ค. 2567 ออกประกาศอัตราที่ สปสช.ประกาศใน ก.ค. 2567 แล้วให้มีผลบังคับย้อนหลังอย่างผิดคำมั่นสัญญา

 

3. ขยายเพดานขึ้นทะเบียนรับผู้ป่วยบัตรทองโดยตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ จากปัจจุบัน 50,000 คนเป็น 250,000 - 300,000 คน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกปฐมภูมิของ สปสช ต้องเดือดร้อนจากการที่ รพ.มงกุฎวัฒนะขาดทุนและขาดสภาพคล่องทางการเงินจากปัญหา "เบี้ยวหนี้" และ "เหนียวหนี้" จากระบบส่งต่อหรือ OP-Refer อีก

 

4. หาก สปสช. ไม่รีบดำเนินการในข้อ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 ผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกปฐมภูมิของ สปสช มากกว่า 200,000 คน จะไม่สามารถมารับการตรวจรักษากับ รพ.มงกุฎวัฒนะได้

 

5. สำหรับผู้ป่วยบัตรทองที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิโดยตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ไม่ต้องกังวลใจ ยังคงใช้บริการตามปกติ