ผู้ว่าฯ ตรัง เร่งสางปมตั๋วเครื่องบินแพง ทำหนังสือด่วนถึง อธิบดีกรมท่าอากาศยาน
ผู้ว่าฯ ตรัง ทำหนังสือด่วนถึงอธิบดีกรมท่าอากาศยาน เร่งแก้ปัญหาตั๋วเครื่องบินแพง – ก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังใหม่ หลังพบผู้รับเหมาทิ้งงาน
29 ต.ค. 2567 จากปัญหาประชาชนร้องเรียน เรื่องตั๋วโดยสารเครื่องบินเส้นทางตรัง กรุงเทพฯ ทั้งขาไปและขากลับราคาแพง โดยราคาแพงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นสูงถึง 9,000 บาท ต่อคน ต่อเที่ยวบิน แม้ต่อมาจะมีการปรับลดลง และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) มีการกำหนดเพดานราคา แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์สูง โดยเฉพาะการซื้อตั๋วแบบฉุกเฉิน ใกล้หรือในวันเดินทาง พบว่าหลายรายต้องจ่ายถึงกว่า 3,000 บาทเกือบ 4,000 บาท ต่อเที่ยวบิน ขณะที่หากเดินทางไป กทม. จากสนามบินใกล้เคียง เช่น สนามบินกระบี่ สนามบินหาดใหญ่ ค่าตั๋วเครื่องบินกลับถูกกว่ามาก ราคาเฉลี่ยเพียง 1,500-2,000 บาท ต่อคน ต่อเที่ยวบิน เท่านั้น
ปัญหาตั๋วเครื่องบินแพง จึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเดินทางของประชาชน ที่มีความจำเป็น เช่น เดินทางไปหาหมอที่ กทม. ไปทำงาน ไปทำธุระจำเป็น ขณะที่ภาคธุรกิจการท่องเที่ยววิตกกังวล ว่า ราคาตั๋วเครื่องบินมาจังหวัดตรังที่แพงนั้น จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว เหมือนเป็นการปิดเมืองตั้งแต่ด้านแรก และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องยังภาคธุรกิจของจังหวัดต่อกันเป็นลูกโซ่
ล่าสุด วันนี้ ที่ศาลากลางจังหวัดตรัง นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวถึง ปัญหาเกี่ยวกับสนามบินตรังทั้งหมด ทั้งเรื่องประชาชนได้รับความเดือดร้อน จากค่าโดยสารที่แพง รวมถึงปัญหาการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ รวมถึงปัญหาก่อนหน้าที่ ที่แอร์อาคารที่พักผู้โดยสารหลังเดิมเสีย ว่า ได้โทรศัพท์ไปหารือกับอธิบดีกรมท่าอากาศยาน ทั้งหมดแล้ว และจะทำหนังสือด่วน หารือไปยัง อธิบดีกรมท่าอากาศยาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เรื่องค่าตั๋วเครื่องบินแพง ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และภาคท่องเที่ยวของจังหวัด
รวมทั้งติดตามปัญหาการทิ้งงานของ ผู้รับจ้างก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารสนามบินตรัง หลังใหม่ วงเงิน 1.2 พันล้านบาท โดยก่อนหน้านี้มีหลายฝ่ายทำหนังสือไปถึง อธิบดีกรมท่าอากาศยาน แล้ว ได้รับหนังสือชี้แจงกลับมาว่า ทางกรมท่าอากาศยานไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้เรียกผู้รับจ้างมาสอบถาม ได้รับการยืนยันว่า จะยอมเสียค่าปรับตามสัญญา และกลับมาทำงานต่อ โดยระบุว่า จะกลับมาทำงานในวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
แต่ปรากฏว่า จนขณะนี้ก็ยังไม่เข้ามาทำงานต่อ ทำให้การก่อสร้างอาคารสนามบินถูกทิ้งร้าง อยู่ในขณะนี้ และตนก็เพิ่งทราบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทำให้เกิดความเสี่ยง ต่อความเสียหาย ซึ่งบริษัทรักษาความปลอดภัยที่จังหวัดตรั งยังมีน้อย ดังนั้นถือว่าเสี่ยงอันตรายในเรื่องอาชญากรรมต่างๆ ดังนั้นตนจะทำหนังสือหารือปัญหาดังกล่าวไปยัง อธิบดีกรมท่าอากาศยาน เป็นการด่วนต่อไป
ยืนยันว่าทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา ทั้งเรื่องตั๋วแพง และเรื่องการทิ้งงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังใหม่ ส่วนตัวได้โทรหา อธิบดีกรมท่าอากาศยานตลอด แต่เร็วๆนี้ ผอ.สนามบินตรัง ซึ่งย้ายมาได้ 2 เดือน ก็ขอย้ายอีก แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะผอ.คนใหม่ ก็มาแทนจาก นราธิวาส ก็จะมาแก้ไขปัญหากันต่อ