ศาลยกฟ้อง "หนูรัตน์-มัมดิว" ไม่ผิด ม.112 ทำคลิปแคมเปญ แอปฯ ดัง
ศาลอาญา พิพากษายกฟ้อง "หนูรัตน์-มัมดิว" ไม่ผิด ม.112 กรณีแต่งกายทำคลิปแคมเปญ แอปฯ ดัง ชี้ ไม่เข้าองค์ประกอบความผิด
30 ต.ค. 2567 ที่ห้องพิจารณาคดี 805 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.1405/66 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายกิตติคุณ ธรรมกิติราษฎร์ หรือ มัมดิว (หลบหนีลี้ภัยที่ประเทศเยอรมนี), น.ส.สุภัคชญา ชาวคูเวียง หรือ "หนูรัตน์" และจำเลยอีก 2 คน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน ร่วมกันดูหมิ่นเบื้องสูง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
กรณีเมื่อเดือน ระหว่างวันที่ 3-5 พ.ค. 2565 พวกจำเลยได้ทำแคมเปญโฆษณาลาซาด้า 5.5 ร่วมกับ นายอนิวัติ ประทุมถิ่น หรือ "นารา เครป กะเทย" เน็ตไอดอลชื่อดัง โดยจำเลยที่ 1-2 แต่งกายเลียนแบบบุคคลเบื้องสูง
จากนั้นเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2565 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเข้าข่ายพาดพิงสถาบันเบื้องสูง จากการโฆษณาผ่านแฟลตฟอร์มลาซาด้าดังกล่าว ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยตามความผิดด้วย
พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยแล้ว เห็นว่า จำเลยที่2-4 และทนายความมาศาล โดยวันนี้ศาลพิเคราะห์ว่ามีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2-4 ได้กระทำความผิดตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ ซึ่งพิจารณาก่อนว่า สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เป็นองค์รัชทายาทหรือไม่
ตามความหมายนั้นการเป็นองค์รัชทายาทคือการที่ต้องถูกแต่งตั้งเป็นผู้สืบสันติวงศ์ราชบัลลังก์ต่อไป แต่ในกรณีนี้ไม่มีการประกาศให้สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ เป็นรัชทายาท ดังนั้นตามกฎหมายมาตรา 112 ที่ระบุว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
จึงขาดองค์ประกอบความผิดตาม ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิเตอร์ ม.14(3) คือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
ปัญหาข้อวินิจฉัยต่อมา คือการทำโฆษณาของจำเลยที่สองผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ เมื่อดูจากความหมายของการหมิ่นประมาทคือการดูหมิ่นทำให้ผู้อื่นถูกเหยียดหยามเกลียดชัง แต่จากข้อเท็จจริงจะเห็นได้ว่าแม้มีการแต่งกายคล้ายชุดที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เคยสวมใส่ และนั่งบนรถเข็น และมีการแนะนำสินค้าเซรั่มให้ทดลองใช้ และพูดคุยด้วยคำสุภาพไม่มีลักษณะการกระทำที่ดูถูกดูหมิ่น หรือทำให้เกลียดชังจึงไม่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท การกระทำของจำเลยที่2 ไม่ครบองค์ประกอบความผิด
ปัญหาวินิจฉัยต่อมาคือจำเลยที่ 3-4 ได้โฆษณาไม่เป็นธรรมส่งผลเสียต่อส่วนรวมหรือไม่ เห็นว่าการทำคลิปเป็นคนพิการ คือการแสดงบทบาทสมมติและเป็นการทำเพื่อเป็นการขายสินค้า ไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามคนพิการ แม้จะมีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพไม่เหมาะ แต่ไม่ถึงกับทำให้บุคคลในสังคมแตกแยกแตกสามัคคีกัน อีกทั้งเป็นการพูดเพื่อเชิญชวนให้ซื้อสินค้าในช่วงกิจกรรมลดราคา ดังนั้นจึงไม่มีความผิดฐานโฆษณาไม่เป็นธรรม
พิพากษายกฟ้อง จำเลยที่ 2-4
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามคดีนี้พนักงานอัยการคดีอาญา 3 ได้แยกฟ้อง นายอนิวัติ ประทุมถิ่น หรือ “นารา เครป กะเทย” เน็ตไอดอลชื่อดัง เป็นจำเลยความผิดฐานเดียวกัน คดีหมายเลขดำ อ.2244/2565 กระทั่งวันที่ 21 ธ.ค.66 ศาลอาญาพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า นายอนิวัติ ไม่เป็นความผิดพิพากษายกฟ้องทุกข้อหา