ข่าว

"เจ๊อ้อย" ฟ้องเพิ่มอีก 1 คดี "ทนายตั้ม" ไม่ถอนฟ้อง จะเปิดหมดทุกอย่าง

"เจ๊อ้อย" ฟ้องเพิ่มอีก 1 คดี "ทนายตั้ม" ไม่ถอนฟ้อง จะเปิดหมดทุกอย่าง

31 ต.ค. 2567

จากปากเลขาฯ "เจ๊อ้อย" เอาจริง ฟ้อง ทนายตั้ม เพิ่มอีก 1 คดี ปมเปิดข้อมูลส่วนตัว ทำให้ชีวิตไม่ปลอดภัย ยืนยัน จะเปิดหมดทุกอย่าง ไม่ถอนฟ้องเด็ดขาด

เรื่องเงินยังไม่จบ คดีใหม่เพิ่มมาอีก เมื่อ น.ส.ปัทมพร แสงฤทธิ์ หรือ น้อย เลขานุการส่วนตัวของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย เศรษฐินีเจ้าของธุรกิจที่ประเทศฝรั่งเศส ได้มาเปิดใจผ่านเฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ หรือ Sondhitalk ในประเด็นที่แจ้งความดำเนินคดีกับ ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ในข้อหาฉ้อโกงจากการชักชวนให้ลงทุนธุรกิจลอตเตอรี่ออนไลน์ จำนวน 2 ล้านยูโร หรือประมาณ 71 ล้านบาท พร้อมยืนยัน เจ๊อ้อย สั่งฟ้องเพิ่มอีก 1 คดี พร้อมจะสู้ทุกอย่าง

 

 

โดย เลขานุการส่วนตัวของ เจ๊อ้อย หรือ มาดามอ้อย กล่าวว่า พอคุณอ้อยไปรับที่สนามบินแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี คุณอ้อยไม่เห็นตน ก็ถามว่าน้อยไปไหน ทำไมน้อยไม่มา พอกลุ่ม ทนายตั้ม บอกว่า พี่น้อยยกเลิกเที่ยวบินทุกอย่าง ไม่มา คุณอ้อยถามว่า เรื่องอะไร ก่อนจะร้องไห้ เสียใจมากว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ ที่ผ่านมาเรื่องรถเบนซ์ตนรายงานคุณอ้อยตลอด

 

สำนวนที่ว่า "ทนายตั้มพลาดตรงที่ตีหมาไม่ดูเจ้าของ" คุณน้อยหัวเราะเบาๆ พร้อมกล่าวว่า ตนยอมเขาทุกอย่าง ดูแลเขาอย่างดีทุกเรื่อง พอไปถึงคุณอ้อยบอกว่า "ใครออกจากชีวิตเขาได้ทุกคน ยกเว้นน้อย" ภรรยานายษิทรา ก็ส่งข้อความมาเลยว่า "พี่น้อยคะ หนูขอโทษ" นู่นนี่นั่นเต็มไปหมด ตนไม่อ่านแล้ว มันหมดเวลาที่เราจะคุยกันแล้ว ถ้าคุณแยกแยะเรื่องงานไม่ออก เราก็ไม่คุยแล้ว

 

ส่วนกรณีเรื่อง รถเบนซ์ นั้น คุณอ้อยไม่ไว้ใจแล้ว เริ่มไม่โอเค ทำไมไม่ตรงไปตรงมา ไม่โปร่งใส ติดขัดอะไรก็บอกไปตรงๆ จะได้รู้ ไม่ใช่ถามอะไรก็ไม่ให้ข้อมูลอะไรสักอย่าง แล้วเอกสารพวกนี้ตนก็ทำไปตามระบบของที่ว่าจ้าง ทำตามหน้าที่ตัวเอง ต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ ในการทำงานอย่าให้ใครมาว่าเราได้ เงินเขาบาทหนึ่ง สลึงหนึ่ง แม้แต่เงินบริจาค มีเอกสารครบหมดทุกอย่าง ตนใส่แฟ้มไว้ทุกเรื่อง ทุกรายการมีครบ

 

 

เจ๊อ้อย

 

แม้แต่การท่องเที่ยวที่ออกให้ ทนายตั้ม ทุกอย่างใส่เอกสารหมด แคปหน้าจอทุกอย่างแปะไปว่ายอดเท่าไหร่ จะไม่ให้คุณอ้อยมาถามว่าเงินฉันหายไปไหน เราต้องชี้แจงเขาทุกยอด เวลาไปกินอะไรก็จะบอกว่าให้ตั้มจ่ายไปก่อนเลย เดี๋ยวกลับมาตั้งเบิกที่พี่ เพื่อที่ไม่ให้แฟนคุณอ้อยรู้สึกไม่ดีว่าทำไมทุกคนไปรุมกินกับเขา ให้เขาจ่าย แล้วตนยังดีไม่พอเหรอ กลับมาเบิกยอด 400,000-500,000 บาท ก็ให้หมด ตั๋วเครื่องบิน 1 ล้านบาท ไม่ทอน ค่าตั๋วเท่าไหร่ ใบเสร็จก็ไม่เคยได้ แล้วก็เรื่องค่าแบบ ขอแบบก็ไม่ได้ ขอแบบบ้านเดวิดก็ไม่ได้ คุณอ้อยกับแฟนก็บอกว่า คุณพูดภาษาไทยได้ ทำไมคุณตามไม่ได้ มันก็เลยเป็นปัญหา

 

พี่อ้อยบอกให้ทำหนังสือบอกเลิกจ้าง ตนไม่ได้เป็นคนคิดอะไรทั้งนั้น พี่อ้อยเป็นคนสั่งทั้งหมด ตนไม่เคยทำอะไรนอกเหนือคำสั่งหรือโดยพลการ อันนี้ต้องไปถามพี่อ้อยเอง

 

ส่วนประเด็นที่ ทนายตั้ม โยนความผิดมาให้ เป็นต้นเหตุของการยุยงปลุกปั่นให้เกิดการทะเลาะกัน และทวงเงินที่ให้มาโดยเสน่หาคืนนั้น ตนมองว่าเป็นการเบี่ยงเบนหรือเปล่า หรือว่าหาคนรับผิดชอบ อันนี้ไม่รู้ ก็มีประเด็นกันอยู่ ประเด็นที่มีปัญหาไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องงาน เรื่องของคุณอ้อย คุณอ้อยดูแลคุณ คุณก็ทำตามหน้าที่คุณไป เราทำหน้าที่เราไป คุณอ้อยจะเอาเล่ม (ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์) ตนก็ต้องไปหาเล่มมา

 

 

ทนายตั้ม

 

 

หากจะเล่นประเด็นแจ้งความเท็จ ก็ไม่กลัว สู้ด้วยหลักฐาน ตั้งแต่รู้จัก นายษิทรา ในวันแรกที่ไปตามหา ตนมีข้อมูลทุกอย่าง ไม่ได้กล่าวอ้างลอยๆ ว่าไม่ถูกกันแล้วจะมาทำแบบนั้น และหาก ทนายตั้ม มาขอคืนดี กราบขอขมา คุณอ้อยจะไม่ถอนฟ้องเด็ดขาด

 

หาก ทนายตั้ม จะขอชดใช้เงินแล้วจะถอนฟอ้งหรือไม่นั้น ต้องไปถามคุณอ้อยเอง แต่เท่าที่พูดมา "ไม่ถอน" เพราะเอาเรื่องครอบครัวแกมาเปิดเผย ทุกอย่างเอาออกสื่อ ซึ่งคนที่ต่างประเทศไม่มีใครรู้ มันกลายเป็นว่าให้คุณอ้อยอยู่ลำบาก แล้วไม่มีใครรู้นอกจาก ทนายตั้ม กับตนและคนในครอบครัว

 

คุณอ้อยสั่งทนายลงไปแล้ว ซึ่งจะฟ้องอีกข้อหา ในประเด็นเอาข้อมูลส่วนตัวมาเปิดเผยต่อสาธารณชน ตอนที่มีภาพออกมา แล้วครอบครัวอยู่ลำบาก ในต่างประเทศความปลอดภัยไม่มี คุณอ้อยไม่ได้เปิดเผยตอนที่แกอยู่ที่ต่างประเทศ สั่งทุกคนว่าทุกอย่างให้เป็นไพรเวตหมด ห้ามเปิดเผย

 

จริงๆ จะจบแค่ 71 ล้าน แค่ขอเงินคืน อันนั้นมาให้ไกล่เกลี่ย ภายใน 7 วันที่ยื่นโนติสไป มาคุยกัน มาเจรจากัน มันจะไม่มีประเด็นมาเลย พอมันมามีปัญหากันขึ้นมาอย่างนี้ ตนเลยถูกมองไม่ดี และคุณอ้อยเขาก็เลยไม่ยอม เขาก็จะเปิดหมดทุกอย่าง 

 

พี่ไม่ได้ยุยงส่งเสริมในทางให้ร้ายตั้มเลยนะคะ พี่อ้อยมีสมองเป็นของตัวเอง ไม่งั้นเขาไม่ผ่านร้อนผ่านหนาวไปอยู่ต่างประเทศได้ อยู่ต่างประเทศมา 30 ปี ไม่งั้นเขาผ่านมรสุมชีวิตไม่ได้หรอกค่ะ

 

 

ข้อมูล : Sondhitalk