เปิดใจหนุ่มปรี่ตบ "ทนายธรรมราช" กลางวงสื่อ เผยสาเหตุลั่นไม่ได้คับแค้นใจ
เปิดใจ หนุ่มปรี่ตบ "ทนายธรรมราช" ล้มทั้งยืนกลางวงสื่อ เผยสาเหตุ ลั่นไม่ได้คับแค้นใจยันลงมือคนเดียว เพื่อนที่มาด้วยไม่เกี่ยว
1 พ.ย. 2567 เวลา 10.00 น.ที่กองบังคับการปราบปราม ทนายธรรมราช สาระปัญญา เดินทางมาร้องเรียน อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม, เรื่องน้องเชื่อมจิต, อี้ แทนคุณ และ คดีเรื่องรถดูคาติ ซึ่งระหว่างที่ ทนายธรรมราช ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน จู่ๆ ก็มีชายสวมเสื้อสีครีม ปรี่เข้ามาตบหน้าจน ทนายธรรมราช หงายท้องลงไปกองกับพื้น
หลังถูกทำร้าย ทนายธรรมราช พยายามวิ่งไปเข้าไปจับตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ ที่จับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ทันที เมื่อเหตุการณ์สงบ ทนายธรรมราช กลับออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวอีกครั้งด้วยสภาพหน้าแดง โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุถึงที่สุด เพราะเป็นพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนที่สุด หมาลอบกัด และเขาจะได้รู้ว่าต่อจากนี้จะเจออะไรบ้าง
สำหรับชายคนก่อเหตุทราบชื่อคือ นายจารุเวศ อายุ 28 ปี กล่าวยอมรับว่า ไม่ได้คับแค้นใจใดๆ กับทนายธรรมราช แต่ที่ปรี่ตบเพราะก่อนหน้านี้เห็น ทนายธรรมราช โพสต์พาดพิงเกี่ยวกับความเชื่อศาสนาอิสลาม ซึ่ง ตนก็มีเมียเป็นคนมุสลิม ทำให้ไม่พอใจจึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น และ ตน ก่อเหตุเพียงคนเดียว ส่วนเพื่อนอีก 2 คนที่มาด้วยไม่ได้ก่อเหตุ
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ภูมิรพี สังข์ทอง ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. ประสานไปยัง สน.พหลโยธิน เจ้าของพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อมารับตัวผู้ก่อเหตุไปดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
จากนั้นพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ได้ออกคำสั่งหลังเกิดเหตุความรุนแรง และใช้กำลังต่อหน้าหน่วยงาน สถานที่ราชการหลายต่อหลายครั้ง โดยระเบียบที่มีการออกคำสั่งในการใช้ศูนย์แจ้งความ ของตำรวจสอบสวนกลาง 4 ข้อ ดังนี้
1.ห้ามบุคคลหรือคณะบุคคล มาใช้สถานที่ในการแถลงข่าวที่หน้าศูนย์แจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง โดยเด็ดขาด
2.หากเป็นการให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์ ให้ไปใช้สถานที่ด้านนอก
3.ประชาชน ที่จะเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์สามารถเดินทางเข้าร้องเรียนกับพนักงานสอบสวนของตำรวจสอบสวนกลางได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลาง หรือตัวแทนเพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงซ้ำซ้อน
4.ห้ามมาใช้สถานที่ถ่ายทำ ไลฟ์สด ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน หากจะถ่ายทำให้ขออนุญาตเป็นกรณี