จับโจรยกเซฟบ้านหรู มูลค่า 7 ล้าน สารภาพ โอนเปย์กิ๊ก 5.5 แสน พาลูกเมียไปเที่ยว
จับแล้ว! โจรยกเซฟบ้านหรู กวาดทรัพย์สิน 7 ล้าน เผยสุดช้ำ โอนเปย์กิ๊กชาวลาว 5.5 แสน แต่สาวหักหลัง หนีไปเรียนต่อที่จีน
1 พ.ย. 2567 ชุดสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย และ สืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมกันจับกุม นายพิธาร (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาฉกตู้เซฟ กวาดทรัพย์สิน กว่า 7 ล้าน โดยจับกุมได้บริเวณร้านสะดวกซัก หมู่ 2 ต.เชียงคาด อ.เชียงคาน จ.เลย
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา นายพิธาร ได้ย่องเข้าไปยกตู้เซฟ ภายในบ้านหลังหนึ่ง ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย กวาดทรัพย์สินทั้งสร้อยคอทองคำ ทองคำแท่ง เพชร และเงินสด รวมกว่า 7 ล้านบาทหลบหนีไป กระทั่งถูกจับกุมได้
ตำรวจพาตัวนายพิธาร ไปขยายผลชี้จุดนำตู้เซฟไปทิ้งน้ำ และนำของกลางไปฝังไว้ในสวนของตา ซึ่งห่างจากจุดที่ก่อเหตุประมาณ 1.4 กิโลเมตร
เบื้องต้นตำรวจติดตามทรัพย์สินนำกลับคืนมา ได้ อาทิ สร้อยคอทองคำมังกร และมีพลอยติดที่ตรามังกรหนัก 30 บาท ทองคำแท่งๆ ละ 1 บาทจำนวน 18 แท่ง ต่างหูเพชร แหวนเพชร และพระเหลี่ยมทอง เป็นต้น
สอบสวนนายพิธาร ให้การว่า สาเหตุที่เลือกเข้าไปขโมยทรัพย์สินในบ้านที่เกิดเหตุ เนื่องจากสังเกตว่ามีรถหรูหลายคันจอตอยู่ภายในบ้าน ครั้งแรกที่เข้าไปขโมยทรัพย์สินได้กระเป๋าแบรนด์เนม แล้วนำไปขาย ครั้งที่ 2 ก็เข้าไปขโมยอีก ได้ทรัพย์สินหลายรายการ ก่อนนำไปขายอีก และได้เห็นตู้เซฟ จึงได้เข้าไปขโมยอีกครั้ง โดยตั้งใจเข้าไปขโมยตู้เซฟจึงไม่ได้ขโมยทรัพย์สินอย่างอื่น ส่วนนาฬิกาหรู มูลค่า 7 แสนบาท ตนก็ไม่รู้จัก
วันที่เข้าไปขโมย หลังจากลากตู้เซฟออกจากห้องนอนแล้วก็ได้ยกใส่รถลากที่เตรียมมาได้ จากนั้นลากเดินออกมาตามถนนในหมู่บ้าน เมื่อมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านก็ได้นำตู้เซฟ และรถลากไปซ่อนไว้ที่ต้นไม้ ก่อนจะเดินกลับไปเอาจักรยานยนต์ที่บ้าน มาพ่วงรถลากตู้เซฟไปที่สวนของพ่อตา ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่เข้าไปขโมย ประมาณ 1.4 กิโลเมตร และได้หาวิธีการเจาะเอาทรัพย์สินที่อยู่ภายในตู้เซฟ
ช่วงที่ลากตู้เซฟสังเกตเห็นมีช่องว่างที่สามารถใช้มีดตอกสลักและเจาะด้านหลังของตู้เซฟได้ จึงได้ลงมือเจาะ จนได้ทรัพย์สินที่อยู่ภายใน ก่อนจะแยกออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นเงินสด ทองคำแท่งละ 5 บาท จำนวน 3 แท่ง สร้อยคอ 2 บาท 1 เส้น และกระเป๋าแบรนด์เนม 2 กระเป๋า ได้นำติดตัว ส่วนทรัพย์สินที่เหลือได้ฝังไว้โคนต้นไม้
จากนั้นก็ได้นำทองคำแท่ง น้ำหนัก 5 บาท ไปขายในร้านทองในอำเภอโพนพิสัย จ.หนองคาย จำนวน 2 แท่ง และขายที่ร้านทองในกรุงเทพฯ อีก 1 แท่ง ได้เงินมา 6 แสนบาท และได้นำสร้อยคอทองคำ 2 บาท ไปเปลี่ยนเป็นลายใหม่ให้ภรรยา ที่ร้านทองในเขต อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ
เงินที่ได้จากการขายทอง ได้โอนให้กิ๊กชาวลาวที่รู้จักกันทางโซเชียล และเคยไปหาที่กรุงเทพฯ 2 ครั้ง โดยโอนให้ 5.5 แสนบาท เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจให้กับกิ๊กสาวชาวลาวได้รู้ และตนก็โดนบล็อกติดต่อไม่ได้ ภายหลังทราบว่ากิ๊กไปเรียนต่อที่จีน จึงได้นั่งเครื่องบินไปตามหาที่จีน นอนที่จีน 1 คืน แต่หมดปัญญาที่จะตามหา จึงได้กลับไทย ก่อนพาลูกและภรรยา ไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ และ อ.เชียงคาน จ.เลย กระทั้งถูกจับกุม
พล.ต.ต.พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ ผบก.ภ.จว.หนองคาม เปิดเผยว่า จากการที่ซักถามข้อมูลเบื้องต้น ผู้ต้องหารับว่า ได้เข้าไปขโมยทรัพย์สินที่บ้านผู้เสียหายมาแล้วรวม 3 ครั้ง ส่วนทรัพย์สินอะไรที่หายไปบ้าง ต้องสอบผู้เสียหายอีกครั้ง เพราะผู้เสียหายยังเสียใจและยังสับสนอยู่
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถาน ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกัดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด การพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป