ข่าว

อดีตครู น้ำตาตกใน จ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขัง หวังรักษาลูกติดยา

อดีตครู น้ำตาตกใน จ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขัง หวังรักษาลูกติดยา

04 พ.ย. 2567

อดีตครู น้ำตาตกใน จ้างช่างทำห้องคล้ายกรง เตรียมรับลูกกลับจากบำบัดอาการติดยา เผย เคยคลุ้มคลั่ง ขับรถพุ่งชนบ้าน ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง

4 พ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งว่ามีแม่คนหนึ่ง อาศัยอยู่กับลูกชาย 2 คน พื้นที่ ต.ถนนหัก อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ แต่ลูกชายเสพยาอย่างหนัก แถมติดพนันออนไลน์ ไม่ทำการทำงานชอบขู่ขอเงิน วันไหนแม่ไม่มีเงินให้ จะโวยวายอาละวาดทำลายข้าวของ ขู่ฆ่า เคยขับรถพุ่งชนบ้านพัง

ล่าสุดหลอนยาคลุ้มคลั่งอาละวาด แม่จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มานำตัวส่งบำบัดที่ รพ.นางรอง แต่กลัวว่าหากออกมา จะกลับไปเสพยาบ้า ทำให้แม่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง ล่าสุดแม่จำใจจ้างช่าง มาทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน

นางสารภี (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี อดีตข้าราชการครูเกษียณ พาเข้าไปดูห้องที่จ้างช่างมาทำภายในบ้าน ซึ่งมีลักษณะคล้ายห้องควบคุมผู้ต้องหาในโรงพัก แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งไวไฟ ทีวี พัดลม ห้องน้ำส่วนตัว และติดกล้องวงจรปิดด้วย

นางสารภี เล่าว่า ลูกชายชื่อนายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 42 ปี เริ่มติดยาตั้งแต่อายุ 16 ปี พ่อกับแม่ต้องส่งตัวบำบัดรักษามาตลอด แต่ออกมาก็ไปเสพติด ซ้ำยังติดพนันออนไลน์ พ่อพยายามหางานให้ลูกทำ ได้เงินมาก็เอาไปซื้อยาบ้าเสพ เล่นพนันหมด แล้วชอบขู่บังคับขอเงินพ่อแม่ครั้งละ 100-200 บาท บางวันขอ 3 รอบทั้งเช้า เที่ยง เย็น กระทั่งเมื่อปี 2558 พ่อป่วยหนักทั้งเครียดเรื่องลูก จนตรอมใจตาย

อดีตครู น้ำตาตกใน จ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขัง หวังรักษาลูกติดยา

แม่อยากฝากถึงรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยว่า อยากให้ปราบปรามยาเสพติด การพนันออนไลน์ และอบายมุขทุกประเภท ซึ่งเป็นต้นเหตุของการทำลายเยาวชนของชาติ เพราะเชื่อว่ามีหลายรอบครัวที่ประสบชะตากรรมเหมือนตนเอง แต่ทำอะไรไม่ได้ 


ด้าน นายพลวัฒน์ สงกูล ผู้ใหญ่บ้านหนองม่วง บอกว่า ก่อนหน้านี้เขาอาศัยอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งในตำบลเดียวกัน แต่หลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ แม่เคยมาแจ้งเกี่ยวกับพฤติกรรมลูกชาย และมีการส่งบำบัดอยู่ 2 ครั้ง ส่วนกรณีที่แม่จ้างช่างไปทำห้องลักษณะคล้ายกรงขัง เพื่อเตรียมไว้ให้ลูกชาย ซึ่งปัจจุบันบำบัดที่ รพ.
 

อดีตครู น้ำตาตกใน จ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขัง หวังรักษาลูกติดยา

ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้เดินทางไปดูว่าเขาทำลักษณะไหน แต่จะทำได้หรือไม่ก็ต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ เพราะอาจเข้าข่ายการกักขังหน่วงเหนี่ยว ส่วนตัวเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่แต่การจะทำอะไรก็ไม่ขัดต่อกฎหมาย ซึ่งจะได้รายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อเข้าไปตรวจสอบและพิจารณาอีกครั้ง ว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร