หญิงวัย 50 เปิดใจสาเหตุ ขับขวางรถกู้ชีพ ยอมรับคิดน้อย ฝากขอโทษสังคม
หญิงวัย 50 เข้าพบตำรวจ เปิดใจสาเหตุ ขับขวางรถกู้ชีพ เผย รู้ตัวมีรถฉุกเฉินขับตาม แต่คิดน้อย ฝากขอโทษสังคม
จากกรณีคลิปดราม่า เป็นเหตุการณ์รถเก๋งคันหนึ่ง ซึ่งวิ่งอยู่บนถนนแพรกษา มุ่งหน้าคลองเก้า ไม่ยอมหลีกทางให้รถกู้ชีพ ที่ทั้งกระพริบไฟ เปิดเสียงไซเรน และบีบแตร เพื่อขอทางไปรับผู้ป่วยหมดสติ แต่รถเก๋งคันดังกล่าวกลับขับแบบสบายใจ จนรถกู้ชีพต้องเบี่ยงซ้ายหลบไปเอง สุดท้ายไปรับผู้ป่วยไม่ทัน เสียชีวิต
4 พ.ย. 2567 นางเอ(นามสมมุติ) อายุ 50 ปี คนขับรถเก๋งคันดังกล่าว เดินทางเข้าพบตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และเปรียบเทียบปรับ พร้อมเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองกำลังขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงบริเวณดังกล่าว ได้ยินเสียงสัญญาณของรถพยาบาล แต่คิดว่าเป็นเสียงที่อยู่อีกฝั่ง และพอทราบว่ารถฉุกเฉินอยู่ด้านหลัง ก็คิดว่าทำไมถึงไม่เบี่ยงซ้ายไป ตนจึงไม่ได้หลบ
ตนอาจจะคิดน้อยไปหน่อย ไม่ได้มีเจตนาที่จะขับขวางเลย และอยากขอโทษกับสังคม ที่เราอาจจะทำให้ไปขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ ทำให้การทำงานล่าช้า
ด้าน นายครินทร์ รัตนประภาสชลา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพของเทศบาลนครสมุทรปราการ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากศูนย์สั่งการ ว่ามีผู้ป่วยท้องเสีย ตนได้โทรหาคนไข้ญาติคนไข้ แจ้งว่าคนไข้หมดสติตน จึงรีบเดินทางไป พอถึงช่วงโค้งลงแก้วปราการ มีรถเก๋งขวางอยู่ทางด้านขวา ทางด้านซ้ายตนไม่สามารถไปได้ เพราะติด จยย. ตนได้ทำการบีบแตรไล่ ตั้งแต่โค้งลงแก้ว จนถึงปากซอยพุดสี แต่รถคันดังกล่าวไม่มีทีท่าว่าจะหลบ และมีการเหยียบเบรก ขับแช่อยู่ประมาณ 1 นาที พอถึงปากซอย 7
ตนเห็นว่ามีทางที่จะหลบออกไปได้ จึงได้ขับออกไปทางด้านซ้าย ซึ่งว่างแค่ช่วงระยะหนึ่ง ถ้าอย่างน้อยเขาเบี่ยงออกซ้ายไปเขายังชะลอตัวได้ ถ้าตนเบี่ยงซ้ายออกไปแล้วชะลอตัว รถหลังก็จะชน พอไปถึงบ้านคนไข้ก็ไม่หายใจแล้ว ปกติแล้วคนไข้ที่หมดสติหยุดหายใจต้องไม่เกิน 5 นาที แต่ครั้งนี้ไปถึงล่าช้า
เบื้องต้นการกระทำของเก๋งคันดังกล่าว เข้าข่ายผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกมาตรา 76 ที่ระบุไว้ว่า "เมื่อเห็นรถฉุกเฉินในขณะปฏิบัติหน้าที่ ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบหรือได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน จะต้องให้รถฉุกเฉินผ่านไปก่อน หากฝ่าฝืนมีโทษเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 500 บาท"