ยอดพุ่ง 23 คน เหยื่อหมอดูฮวงจุ้ย แห่แจ้งเอาผิด หลอกซื้อวัตถุมงคล
ยอดพุ่ง 23 คน เหยื่อหมอดูฮวงจุ้ย แห่แจ้งเอาผิด หลอกซื้อวัตถุมงคล แต่ไม่ได้ของ ด้าน ทนายไพศาล ปฏิเสธ ไม่ใช่ทนายหมอดู สั่งห้ามนำชื่อไปแอบอ้าง
5 พ.ย. 2567 เมื่อเวลา 16.00 น. กลุ่มผู้เสียหายซึ่งถูกหมอดูฮวงจุ้ย แนะนำให้ซื้อวัตถุมงคล แต่ไม่ได้รับของ ทยอยเดินทางเข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม
นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รู้จักกับหมอดูคนดังกล่าว ผ่านรายการทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง รู้สึกว่ามีความน่าเชื่อถือและดูใจดี จึงตัดสินใจติดต่อทางโทรศัพท์ไปยังบริษัทของหมอดูคนดังกล่าว และนัดหมายกัน ให้เดินทางมาตรวจสอบบริเวณบ้านของตัวเองในพื้นที่ จ.เพชรบุรี เนื่องจากขณะนั้นมีแผนที่จะต่อเติมบ้าน จึงต้องการให้มาดูสภาพฮวงจุ้ย
โดยเหตุเกิดในช่วงปี พ.ศ. 2566 ซึ่งหมอดูคนดังกล่าวได้มีการเรียกเก็บค่าดูฮวงจุ้ยบ้านทั้งหมด 150,000 บาท แบ่งเป็นเงินมัดจำก้อนแรก 70,000 บาท โอนเข้าบัญชีบริษัทและจะมารับเงินสดเป็นจำนวนเงินอีก 80,000 บาทที่บ้านของตัวเอง
และทันทีที่หมอดูเดินทางมาถึงบ้าน ได้ตรวจสอบสภาพบ้านและพบว่าสภาพบ้านเดิมดีอยู่แล้ว แต่มีปัญหาคือบริเวณเสาไฟฟ้าแรงสูงด้านหน้าบ้าน อ้างว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้หญิงภายในบ้าน มีอาการป่วยที่บริเวณช่องท้อง ซึ่งขณะนั้นตัวเองป่วย เกี่ยวกับช่องท้องอยู่พอดี จึงยิ่งหลงเชื่อ
เบื้องต้นซินแสคนดังกล่าวอ้างว่า วิธีการแก้ไขฮวงจุ้ย จะต้องมีการนำกิเลน 2 คู่มาตั้ง แบ่งเป็นตัวใหญ่ 2 ตัวและตัวเล็กอีก 2 ตัว มาตั้งไว้ภายในบริเวณบ้าน โดยคิดราคาทั้ง 2 คู่ เป็นเงิน 1.3 ล้านบาท แต่ภายหลังมีการต่อรองกันจนลดราคาให้เป็นจำนวนเงิน 900,000 บาท ซึ่งตัวเองได้มีการชำระเงินไปจนครบ และมีการทวงถามหากิเลนมาตลอด ทุก 2-3 เดือน แต่หมอดูคนดังกล่าวได้ผัดผ่อน และไม่ส่งมอบของให้ตามกำหนดหลายครั้ง ตนจึงตัดสินใจไม่รับกิเลนทั้ง 2 คู่ และขอเงินคืนแทน แต่จนถึงขณะนี้ เวลาผ่านไปกว่า 1 ปีแล้ว ยังไม่ได้รับเงินคืน จึงตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความ
ด้าน น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ผู้เสียหายอีกราย ระบุว่าหากในอนาคตหมอดูคนดังกล่าวมีการประสานเพื่อจะคืนเงินแต่ขอให้ยอมความ ขณะนี้ตัวเองก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะยินยอมหรือไม่ โดยจะขอปรึกษาข้อกฎหมายกับทางทนายความก่อน
ส่วน น.ส.มิ้ว ผู้เสียหายอีก 1 คน เปิดเผยว่า ตัวเองรู้จักกับหมอดูคนนี้จากช่องทางออนไลน์ ส่วนตัวมองว่าเป็นคนน่าเชื่อถือ ซึ่งขณะนั้น ตัวเองกำลังจะสร้างบ้านใหม่จึงได้ให้กมอดูคนนี้มาดูแปลนบ้านและฮวงจุ้ยให้ คิดราคา 55,000 บาท ขณะเดียวกันหมอดูคนนี้ได้มีการโน้มน้าวให้ตัวเองซื้อรูปปั้นแกะสลักสิงห์เพิ่ม โดยแนะนำว่าที่ดินบ้านของตัวเองนั้นเป็นดินไม่ดี เป็นดินป่าช้า และต้องทำพิธี มีสองตัวเลือกคือทำพิธีล้างดินให้สะอาด คิดราคา 300,000 บาท หรือบูชาสิงห์ 1 คู่ ขนาด 2 ฟุต ราคา 200,000 บาท
แต่ซินแสให้เงื่อนไขเพิ่มเติมว่า จะขอยืมเงินลงทุน 100,000 บาท โดยแลกกับส่วนลดราคาสิงห์ให้ 50,000 บาท ตัวเองจึงโอนเงินไปเป็นทั้งหมด 300,000 บาท แบ่งเป็นค่าสิงห์ 200,000 และเงินยืม 100,000 แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังได้รับเงินคืน อีกทั้งยังไม่ได้รับของด้วย ที่ผ่านมาตัวเองได้พยายามทวงถามตลอด แต่หมอดูคนนี้ก็บ่ายเบี่ยง ผ่านมากว่า 1 ปี
ตนก็ไม่ได้รู้สึกเอะใจ กระทั่งเมื่อวานนี้ได้ดูรายการหนึ่ง ที่มีการเปิดเผยพฤติกรรมของหมอดูคนนี้ จึงรู้ว่าเป็นอาจารย์คนเดียวกัน ทำให้รู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่ออีกหนึ่งคนจึงได้เดินทางมาเข้าแจ้งความดังกล่าว
ด้าน ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ชี้แจงว่า ตนเองไม่ใช่ทนายของหมอดูฮวงจุ้ยคนดังกล่าว เป็นเพียงผู้ประสบภัยหรือผู้ถูกพาดพิง เพราะ ไม่เคยมีการว่าความใหั และไม่ได้มีการเซ็นใบแต่งตั้งทนาย มีเพียงช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา หมอดูฮวงจุ้ย ได้เข้ามาปรึกษาว่าจะห้องฟ้องร้องบุคคล 2 คน เป็นดารา 1 คน และบุคคลอื่น อีก 1 คน จากนั้นตัวเองก็ได้ถามข้อเท็จจริง และบอกให้หมอดูฮวงจุ้ยนำหลักฐานและไปแจ้งความ จนเวลาล่วงเลยไป หมอดูฮวงจุ้ยรายดังกล่าวก็ไม่ไปแจ้งความสักที จนตอนนี้อายุความใกล้จะหมดแล้ว
กระทั่ง เพจบิ๊กเกรียนออกมาแฉ หมอดูฮวงจุ้ย ได้โทรติดต่อมาหาตัวเอง และบอกให้ตัวเองไปดูข่าวล่าสุด และเมื่อได้ดูข่าวตัวเองจึฃได้สอบถามข้อเท็จจริงจากหมอดูฮวงจุ้ย ซึ่งหมอดูฮวงจุ้ยยืนยันว่า ไม่ได้ทำ พร้อมถามกลับว่าจะต้องทำอย่างไร
ส่วนตัวจึงบอกไปว่าตามจิตวิทยา ถ้าคนไม่ผิดและถูกกล่าวหาส่วนมากจะต้องรีบมาแสดงความบริสุทธิ์ แต่ถ้าทำผิดคนส่วนใหญ่จะหนี ซึ่งหมอดูฮวงจุ้ยนั้นอยากตั้งโต๊ะแถลงข่าว แต่ขอให้ตัวเองนั่งแถลงด้วย แต่ได้ปฎิเสธไป เพราะตัวเองไม่ทราบข้อเท็จจริงและขอไม่ยุ่ง จึงได้แนะนำให้ออกไปชี้แจง หมอดูฮวงจุ้ยจึงได้ไปชี้แจงที่รายการโหนกระแส เพียงเท่านั้น
จนเมื่อมีกระแสข่าวตัวเองเป็นทนายให้กับหมอดูฮวงจุ้ย จึงได้โทรไปสอบถามว่าได้มีการนำรูปไปแอบอ้างหรือไม่ ทางหมอดูฮวงจุ้ยปฎิเสธพร้อมบอกว่า รูปนี้ลงไว้ตั้งแต่เดือน มิ.ย. แล้ว ส่วนตัวจึงบอกหมอดูฮวงจุ้ยไปว่า ห้ามนำชื่อตัวเองไปแอบอ้างเด็ดขาด และความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าตัวเองไปข่มขู่คู่กรณีของหมอดูฮวงจุ้ยนั้น ขอยืนยันว่า ไม่จริง มีเพียงโทรไปสอบถามข้อเท็จจริง ก่อนจะให้กำลังใจ และพยายามติดต่อทั้งสองฝ่ายเพื่อให้เจรจากัน ก็ไม่รู้ว่าทางหมอดูฮวงจุ้ยจะมีการข่มขู่ แล้วอ้างชื่อตัวเองหรือไม่
อย่างไรก็ตามหาก พบพยานหลักฐาน ทั้งภาพแชท ภาพวีดีโอคลิปเสียงที่มีการกล่าวอ้างถึงตัวเอง หมอดูฮวงจุ้ยจะต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน หลังจากนี้ตนจะพาผู้เสียหายที่ไปออกโหนกระแส มาพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิดกับ หมอดูฮวงจุ้ย รายนี้ต่อไป
สำหรับผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความ ที่กองบังคับการปราบปรามในคดีดังกล่าว ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ขณะนี้พบว่ามีจำนวน 23 คนแล้ว