ข่าว

มาดามอ้อย แจ้งเอาผิด ทนายตั้ม 4 คดี ด้าน ปานเทพ จับพิรุธ โผล่จ้อสื่อ หวังรอดหมายจับ?

มาดามอ้อย แจ้งเอาผิด ทนายตั้ม 4 คดี ด้าน ปานเทพ จับพิรุธ โผล่จ้อสื่อ หวังรอดหมายจับ?

06 พ.ย. 2567

ทนายตั้ม อ่วม! "มาดามอ้อย" แจ้งความเอาผิด 4 คดี ด้าน ปานเทพ จับพิรุธ ทนายดัง ปรากฏตัวจ้อสื่อที่กองปราบ หวังรอดหมายจับ?

6 พ.ย. 2567 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์กรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่กองบังคับการปราบปราม เมื่อวานนี้ ว่า ทีมงานนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้สื่อข่าวอาวุโสและเรา ได้วิเคราะห์ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่าทนายตั้มไปเพื่ออะไร โดยบริบทอ้างว่าเป็นเพราะตำรวจไปอยู่พื้นที่ใกล้บ้าน และได้พาดพิงสื่อว่า มีกระบวนการคุกคาม

แต่จากที่เราได้มีโอกาสตามดูข้อเท็จจริง เราคิดว่าตำรวจยังไม่ได้ทำหน้าที่เกินเลย ในฐานะผู้ที่ทำหน้าที่คดีความและเป็นคดีใหญ่ อย่างน้อยตำรวจต้องติดตามสถานการณ์ความคืบหน้า เพื่อจะมั่นใจได้ว่าผู้ต้องหา หรือผู้ถูกกล่าวหามีความปลอดภัย ไม่หลบหนี และที่สำคัญสื่อก็ทำหน้าที่ของตนเองอย่างสมบูรณ์ในการแสวงหาข้อเท็จจริง แต่สำหรับทนายตั้มในรอบนี้ มีการพาดพิงการทำงานของสื่อและตำรวจอย่างไม่ถูกต้อง แม้กระทั่งการห้ามปรามสื่อในการซักถาม ถือว่าผิดปกติ จากวิสัยของทนายตั้มที่ชอบแถลงข่าว

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า เราสรุปกันว่าเมื่อวานนี้ทนายตั้มน่าจะมีเจตนา เพื่อทำให้ตัวเองได้แสดงตนต่อพื้นที่สาธารณะว่าตัวเองไม่หนีไปไหน โดยเชื่อว่าทนายตั้มน่าจะมีแหล่งข่าวในกองปราบ และเชื่อว่าตัวเองอาจจะถูกหมายจับ และการปรากฏตัว เพื่อต้องการทำให้ลดผลกระทบที่อาจจะถูกหมายจับ หรือแม้กระทั่งการคัดค้านการประกันตัวของตำรวจ เพื่อแสดงตนว่าตัวเองนั้นปรากฎตัวในที่สาธารณะ และไม่หลบหนีใช่หรือไม่
 

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

นายปานเทพ ระบุว่า ทนายตั้มรู้การเคลื่อนไหวของคดีในตำรวจอยู่แล้ว เพราะทำงานร่วมกับกองปราบ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาอย่างยาวนาน และมีตำรวจติดตามมาอย่างต่อเนื่องย่อมรู้อยู่แล้วว่า มีไม่กี่ทางที่ตำรวจจะตามขนาดนี้ จึงเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นเทคนิคทางกฎหมายที่หวังจะไม่ถูกออกหมายจับ หรือหากถูกออกหมายจับก็จะได้รับการประกันตัว

นายปานเทพ กล่าวอีกว่า วันนี้ถือว่าทนายตั้ม ได้ถูกดำเนินคดีความจากพี่อ้อย และปัจจุบันพี่อ้อยดำเนินคดีมากกว่า 71 ล้านบาทแล้ว เพราะพี่อ้อยเพิ่งกระจ่างในความจริงบางเรื่อง และแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม คือ 1.เงิน 71 ล้านบาท 2.เงิน 39 ล้านบาทที่พี่อ้อยโอนไปให้บุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนของทนายตั้ม และ 3.ประเด็นเงินส่วนต่างจากรถที่ซื้อประมาณ 1.5 ล้านบาท ตอนนี้จึงมี 3 คดี ที่พี่อ้อยแจ้งความไปกับกองปราบ

เมื่อวานนี้ที่เราสังเกตเห็นพบว่าในเรื่องรถ ทนายตั้มตะกุกตะกักในการแถลงข่าว ถึงขนาดตวาดไม่ให้ผู้สื่อข่าวบางคนสอบถาม และตะกุกตะกักเรื่องภาษีของเงิน 71 ล้านบาท ที่ถามว่าได้จ่ายภาษีแล้วหรือยัง การไม่ได้สำแดงรายได้และคิดจะจ่ายภายหลัง เป็นการอำพรางหรือไม่ ซึ่งขัดแย้งกับที่ทนายตั้มเคยอ้างก่อนหน้านี้
 

ายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่อง 39 ล้านบาท ทนายตั้มพูดแบบตัดตอน คงรู้ว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ที่พยายามพูดว่ามีสแกมเมอร์ชาวจีน หรือตัวปลอมดาราจากจีน มันเป็นคนละเรื่อง และคนละขั้นตอนกับเงินที่หายไป 39 ล้านบาท เหตุนี้มาจากการโอนเงินคริปโตได้ และทนายตั้มพาบุคคลหนึ่งชื่อเล่นว่านุ ซึ่งเป็นเพื่อนทนายตั้ม พร้อมกับภรรยา มารับการโอนเงินสดให้เป็นคริปโต

จากการตรวจสอบพบว่าพี่อ้อยจ่ายไปแค่ 2 ครั้ง โดยทนายตั้มอ้างว่า ถูกอายัดบัญชีไม่สามารถเข้าอีกได้เลย และอ้างกับพี่อ้อยว่าถูกดูดเงิน เพราะไปทำธุรกรรมให้พี่อ้อย ซึ่งทนายตั้มไม่พูดให้หมดและไม่พูดให้ครบว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะทนายตั้มพาคนเหล่านี้มาเอง และที่สุดพี่อ้อยก็หลงเชื่อโอนเงินให้ 39 ล้านบาท เมื่อพี่อ้อยรู้ความจริงจึงได้แจ้งความตามกระบวนการ เพราะ 39 ล้านบาทไม่ใช่เรื่องการโอนเงินให้ดารา

ล่าสุด นายปานเทพ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า พี่อ้อยได้แจ้งความทนายตั้มและพวกเพิ่มอีก 1 คดี  คือคดีจ้างออกแบบโรงแรมที่จ่ายเงินไป 9 ล้านบาท ตามที่ทนายตั้มแนะนำมา แต่กลับไปให้อีกบริษัทออกแบบ ในขณะที่ค่าออกแบบจริง 3.5 ล้านบาทเท่านั้น จึงเป็นการแจ้งความรวม 4 คดีแล้ว

1. คดีหลอกให้โอนเงิน โดยอ้างว่าเป็นค่าทำสลากออนไลน์ 71 ล้านบาท

2. คดี ที่ตั้มแนะนำเพื่อนให้รู้จัก แล้วอ้างว่ากระเป๋าเงินดิจิตอลของตัวเองได้รับความเสียหาย จากทรัพย์สินในกระเป๋าเงินมีมูลค่า 39 ล้านบาท เพราะทำธุรกรรมให้พี่อ้อย จึงถูกระงับบัญชีและไม่สามารถเปิดได้อีกเลย นำไปแจ้งความวันที่ 23 พฤษภาคม 2566  พี่อ้อยหลงเชื่อจึงโอนเงินให้ไป 39 ล้านบาท วันที่ 25 พฤษภาคม 2566

3. คดีที่ให้เงินทนายตั้มไป 13 ล้านบาท แต่จ่ายเงินจริงไม่ถึง ถูกแจ้งความดำเนินคดีเสียหาย 1.5 ล้านบาท

4. คดีจ้างออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาท มูลค่าจริง 3.5 ล้านบาท 

คำถามสำคัญคือเข้าเกณฑ์คดีฉ้อโกงเป็นปกติธุระแล้วหรือยัง และเป็นการฟอกเงินแล้วหรือยัง?