ข่าว

พี่น้องเปิดศึก แย่งศพพ่อ พี่ชายสั่งห้ามเผา ด้าน น้องสาวยื่นคัดค้านคำสั่งศาล

พี่น้องเปิดศึก แย่งศพพ่อ พี่ชายสั่งห้ามเผา ด้าน น้องสาวยื่นคัดค้านคำสั่งศาล

07 พ.ย. 2567

ดราม่า พี่น้องเปิดศึก แย่งศพพ่อ น้องสาวยื่นคัดค้านคำสั่งศาล ด้าน พี่ชายสั่งห้ามเผา ขอนำพ่อกลับบ้าน ตามคำสั่งเสีย

จากกรณี นางพรรนี (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า ระหว่างที่ตนเองกำลังจัดงานศพ ให้กับนายเพิก (สงวนนามสกุล) อายุ 80 ปี ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเสียชีวิตลงจากอาการป่วยด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา กลับถูกนายธวัชชัย (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นพี่ชายของตน ยื่นคำร้องต่อศาล ขอไม่ให้มีการจัดการกับศพของพ่อ ซึ่งมีกำหนดฌาปนกิจศพ วันที่ 7 พ.ย. ต้องเลื่อนออกไปก่อน สร้างความเสียใจให้กับตนเอง และลูกหลานเป็นอย่างมาก และไม่เข้าใจถึงเหตุผลของพี่ชายที่มายื่นคัดค้านจัดการศพของพ่อ
 

พี่น้องเปิดศึก แย่งศพพ่อ พี่ชายสั่งห้ามเผา ด้าน น้องสาวยื่นคัดค้านคำสั่งศาล

น.ส.มณฑกานต์ ลูกสาวของนางพรรนี เล่าทั้งน้ำตาว่า เมื่อประมาณ 1 ปี คุณตาถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็ง ตนกับแม่ทราบข่าวจึงเดินทางไปรับตาที่ จ.อุตรดิตถ์ มาดูแลที่บ้านแม่ ในพื้นที่ ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ดูแลเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 4 พ.ย. ตาก็เสียชีวิตลง ตนเองและแม่ รวมถึงญาติๆ ช่วยกันจัดเตรียมงานศพ โดยสวดพระอภิธรรมศพที่วัดรางกระต่ายรังสรรค์ ปรากฏว่าวันที่ 6 พ.ย. นายธวัชชัย ซึ่งเป็นพี่ชายของแม่ ได้มาโวยวายในงาน พร้อมนำคำสั่งศาลมาแจ้งกลางงาน ว่าจะไม่ให้มีการเผาศพของตา และขอนำศพกลับไปประกอบพิธีที่ จ.อุตรดิตถ์ โดยไม่ได้ชี้แจงเหตุผลใดๆ

ตนเองไม่เข้าใจว่า นายธวัชชัยมีเหตุผล หรือมีผลประโยชน์ใดแอบแฝง จึงต้องการจะนำศพของตากลับไปจัดพิธีศพ ที่ จ.อุตรดิตถ์ แต่ตนและแม่ยืนยันว่า ไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝง ที่ต้องการจะจัดพิธีที่ จ.กาญจนบุรี เพราะที่ผ่านมาทางครอบครัวช่วยกันดูแลตามาตลอด อีกทั้ง กระดูกของภรรยาของตา และลูกชายอีกคน ก็ถูกเก็บไว้ที่วัดแห่งนี้ ตนจึงอยากจะให้กระดูกของทั้ง 3 คนได้อยู่ร่วมกัน

พี่น้องเปิดศึก แย่งศพพ่อ พี่ชายสั่งห้ามเผา ด้าน น้องสาวยื่นคัดค้านคำสั่งศาล  

7 พ.ย. 2567 เมื่อเวลา 09.00 น. นางพรรนี พร้อมลูกสาว เดินทางไปศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งศาล ที่ไม่ให้ตนจัดการกับศพของนายเพิก โดยนางพรรนี ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า ตนเชื่อว่าปัญหาที่ทำให้พี่ชายยื่นคัดค้าน การจัดการศพของพ่อ เป็นเพราะเรื่องของผลประโยชน์ เงินฌาปนกิจศพของพ่อ ที่ได้ทำไว้ตั้งแต่อยู่ที่ จ.อุตรดิตถ์ มีวงเงินประมาณ 200,000 บาท

ซึ่งตอนแรกเงินฌาปนกิจดังกล่าว พ่อได้ลงชื่อผู้รับผลประโยชน์ไว้เป็นชื่อของตน และเมื่อไม่กี่เดือนก่อน นายธวัชชัยได้มาพูดคุย และขอเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นชื่อของนายธวัชชัยเอง โดยอ้างว่า ต้องการจะนำเงินไปใช้ในงานศพของพ่อ หากขาดเหลือเท่าไหร่ นายธวัชชัยจะรับผิดชอบทั้งหมด จึงน่าจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้นายธวัชชัยพยายามจะนำศพของพ่อกลับไป จ.อุตรดิตถ์
 

พี่น้องเปิดศึก แย่งศพพ่อ พี่ชายสั่งห้ามเผา ด้าน น้องสาวยื่นคัดค้านคำสั่งศาล

ต่อมาเวลา 10.00 น. นายธวัชชัย ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรท่าเรือ เพื่อลงบันทึกประจำวันว่า ไม่สามารถนำศพของนายเพิก ผู้เป็นพ่อ กลับไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.อุตรดิตถ์ได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 พ.ย. หลังจากพ่อเสียชีวิต ทางตน พร้อมด้วยนางพรรนี ได้เดินทางมาทำข้อตกลงต่อหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ท่าเรือ ว่าหลังจากพ่อเสียชีวิต จะให้นางพรรนี จัดงานศพที่ จ.กาญจนบุรี เป็นเวลา 3 วัน และหลังจากนั้น ตนจะรับศพของพ่อกลับไปประกอบพิธีที่ จ.อุตรดิตถ์ อีก 3 วัน แล้วจึงค่อยประกอบพิธีฌาปนกิจศพ

แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาจริง หลังจากได้มีการสวดพระอภิธรรมศพของพ่อเป็นเวลา 3 วัน ตามที่กำหนดแล้ว นางพรรนี กลับไม่ยอมให้ตนรับศพของพ่อกลับไป อีกทั้งยังให้ข่าวกับสื่อมวลชนทำให้ตนเสียหาย ซึ่งตนยืนยันว่า สาเหตุที่ตนต้องการนำศพของพ่อกลับไป จ.อุตรดิตถ์ เนื่องจากเป็นความต้องการสุดท้ายของพ่อก่อนที่จะเสียชีวิต มีการทำหนังสือ การรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลศพขึ้นมา และให้พ่อเซ็นตั้งแต่ตอนยังอยู่ที่ จ.อุตรดิตถ์

ตนยืนยันว่าลายเซ็นในหนังสือดังกล่าวเป็นลายเซ็นของพ่อจริง ไม่ได้มีการปลอมแปลงอย่างที่ถูกกล่าวหา อีกทั้ง หากเป็นการปลอมลายเซ็นจริง ทางศาลจังหวัดกาญจนบุรี คงจะไม่ยอมออกคำสั่งห้ามจัดการกับศพให้กับตนอย่างแน่นอน

พี่น้องเปิดศึก แย่งศพพ่อ พี่ชายสั่งห้ามเผา ด้าน น้องสาวยื่นคัดค้านคำสั่งศาล

นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า ประเด็นที่น้องสาว กล่าวหาว่าตนต้องการเงินฌาปนกิจของพ่อนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะหากตนต้องการเงินฌาปนกิจของพ่อจริง ตนไม่จำเป็นที่จะต้องมาขอนำศพกลับไปประกอบพิธีที่จังหวัดอุตรดิตถ์ก็ได้ เพียงยินยอมให้นางพรรณี ทำพิธีฌาปนกิจศพให้เสร็จที่ จ.กาญจนบุรี ตนก็รับเงิน 200,000 บาทเข้ากระเป๋าสบายๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรให้เหนื่อย แต่ที่ตนต้องออกมาเรียกร้องเพื่อจะนำศพของพ่อกลับไป เพราะเป็นความต้องการสุดท้ายของพ่อเท่านั้น

หลังจากนี้ หากว่านางพรรณีต้องการจะเจรจา ตนก็พร้อมที่จะเจรจาด้วย โดยตนมีจุดยืนเพียงข้อเดียว คือต้องการที่จะนำศพของพ่อกลับไปประกอบพิธีที่ จ.อุตรดิตถ์ เท่านั้น หากนางพรรนี ยินยอมให้ตามที่ตนขอ เรื่องทุกอย่างก็จบ ตนพร้อมจะถอนแจ้งความ และจบเรื่องทุกอย่างทันที