ข่าว

สาเหตุ โรคอุจจาระร่วง ระบาด 1.4 พันคน เกิดจาก ไวรัสโนโร สั่งหยุดจำหน่ายทันที

สาเหตุ โรคอุจจาระร่วง ระบาด 1.4 พันคน เกิดจาก ไวรัสโนโร สั่งหยุดจำหน่ายทันที

11 พ.ย. 2567

กระทรวงสาธารณสุข เปิดผลการสอบสวน โรคอุจจาระร่วง ระบาด 1.4 พันคน เกิดจากเชื้อ ไวรัสโนโร น้ำและน้ำแข็ง เป็นปัจจัยเสี่ยง สั่งหยุดจำหน่ายทันที เปิด 5 มาตรการควบคุมโรค

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวน โรคอุจจาระร่วง ระบาดในนักเรียน 2 โรงเรียน อ.แกลง จ.ระยอง ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รวมจำนวนมากกว่าพันคน ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำชับให้เร่งทำการควบคุมโรคโดยเร็วเพื่อความปลอดภัย 

 

 

โดยล่าสุดได้รับรายงานจาก นพ.สุรวิทย์ ศักดานุภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง พบผู้ป่วยจากทั้ง 2 โรงเรียนรวมทั้งหมด 1,436 ราย เป็นนักเรียน 1,418 ราย จากทั้งหมด 4,559 คน คิดเป็นอัตราป่วย ร้อยละ 31.1 ครูและบุคลากร 18 ราย จากทั้งหมด 183 คน คิดเป็นอัตราป่วย ร้อยละ 9.8 สาเหตุเกิดจากติดเชื้อ ไวรัสโนโร ซึ่งเป็นไวรัสก่อโรคทางเดินอาหาร 

 

ได้รับรายงานผู้ป่วย 1 ราย จากโรงเรียนประถมศึกษา ซึ่งไปตรวจที่ รพ.เอกชน เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พบเชื้อ Norovirus genogroups II จากชุดตรวจเร็ว และจากการเก็บตัวอย่างอุจจาระของผู้ป่วย 4 ราย เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พบเชื้อก่อโรค 3 ชนิด ได้แก่ เชื้อ Norovirus GI/GII, Enteropathogenic E.coli (EPEC) ในตัวอย่างของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา 1 ราย และเชื้อ Enteroaggretive E.coli (EAEC) ในตัวอย่างของผู้ปรุงและเตรียมอาหารโรงเรียนประถมศึกษา 1 ราย และอยู่ระหว่างรอผลตรวจอาเจียน 1 ตัวอย่างของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา รวมถึงน้ำดื่ม น้ำใช้ และน้ำแข็ง จำนวน 6 ตัวอย่าง และอาหาร 2 ตัวอย่าง ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

 

"ส่วนการตรวจสอบการปนเปื้อนของเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรีย จากการเก็บตัวอย่างด้วยชุดทดสอบ SI-2 ในภาชนะทำครัว มือผู้ปรุงและเตรียมอาหาร ทั้ง 2 โรงเรียน จำนวน 13 ตัวอย่าง พบการปนเปื้อนในตัวอย่างจากโรงเรียนมัธยมศึกษา 4 ตัวอย่าง ได้แก่ เขียงและมีด หัวก๊อกน้ำกด มือผู้ปรุงและเตรียมอาหาร ขณะที่การเก็บตัวอย่างน้ำด้วยชุดตรวจ อ.11 จากตู้กดน้ำดื่ม 6 ตัวอย่างในโรงเรียนประถมศึกษา พบการปนเปื้อน 3 ตัวอย่าง" นพ.โสภณกล่าว

 

 

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร

 

นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ผลการสอบสวนโรคชี้ให้เห็นว่า "น้ำและน้ำแข็ง" ที่บริโภคในโรงเรียนในสัปดาห์กีฬาสีเป็นปัจจัยเสี่ยงของการป่วย เนื่องจากผลการสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ พบว่า ระบบประปาที่ใช้เป็นระบบประปาผิวดิน ตรวจคลอรีนอิสระคงเหลือได้ 0.09 ppm ซึ่งต่ำกว่าค่ามาตรฐาน 

 

ขณะที่ผลการตรวจ โรงน้ำแข็ง ซึ่งมีใบอนุญาตถูกต้อง พบว่า ใช้น้ำดิบจากระบบประปาเทศบาลต.เมืองแกลง มีบ่อพักน้ำให้ตกตะกอน แล้วนำน้ำใสมาเติมคลอรีนแบบอัตโนมัติก่อนผ่านระบบกรอง แล้วส่งเข้าระบบผลิต น้ำแข็ง ส่วนโรงโม่น้ำแข็ง จะนำน้ำแข็งซองมาโม่ที่บ้านเพื่อจำหน่าย ตรวจพบจุดเสี่ยงไม่ได้มาตรฐาน คือ ถังใส่น้ำแข็งซองมีการแช่วัสดุอื่นในถังด้วย รถที่ขนน้ำแข็งใช้ผ้าพลาสติกปูพื้นกระบะเพื่อวางน้ำแข็ง และจะโม่เมื่อมีผู้มาซื้อโดยบรรจุใส่กระสอบอาหารสัตว์ที่ล้างแล้วนำกลับมาใช้ใหม่

 

มาตรการควบคุมโรคที่ดำเนินการเพิ่มภายหลังการสอบสวนโรค คือ 

  1. เติมคลอรีนในถังพักน้ำดื่ม น้ำใช้ทั้ง 2 โรงเรียน 
  2. ประสานเทศบาลตำบลเมืองแกลงในการปรับปรุงคุณภาพน้ำดิบของโรงเรียน 
  3. สั่งยุติการจำหน่ายน้ำแข็งจากโรงโม่น้ำแข็ง และให้ทำการปรับปรุงสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในส่วนของสถานที่ แนะนำสุขวิทยาส่วนบุคคลของคนงานโรงงานผลิตน้ำแข็ง และร้านค้ารายย่อยที่นำน้ำแข็งโม่ส่งให้กับโรงเรียน 
  4. แนะนำโรงเรียนห้ามนำน้ำแข็งโม่มาใช้บริโภค 
  5. ประสานโรงเรียนทุกแห่งเฝ้าระวังและเพิ่มความเข้มงวดมาตรการป้องกันโรคที่เกิดจากอาหารและน้ำปนเปื้อน