ทนายวิฑูรย์ เผยอาการ บอสปัน หลังรู้ กฤษอนงค์-ฟิล์ม พยายามแก้ต่าง ปมเงิน 20 ล้าน
ทนายวิฑูรย์ เล่า ปฏิกิริยา "บอสปัน" หลังรู้ "กฤษอนงค์-ฟิล์ม รัฐภูมิ" พยายามแก้ต่าง ปมเงิน 20 ล้าน จ่ายค่าแผน PR เผย รับออเดอร์ ดำเนินคดี พยายามกรรโชกทรัพย์
15 พ.ย. 2567 เมื่อเวลา 13.30 น. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" เดินทางไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง เนื่องจาก "บอสปัน" หรือ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร 1 ใน 18 ผู้ต้องหาคดีดิไอคอน ประสงค์ที่จะต้องการพบด่วน คาดว่าเป็นการหารือเกี่ยวกับการมอบอำนาจเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดี น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ขายออนไลน์ และฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ศิลปินชื่อดัง จากกรณีคลิปเสียงเรียกรับเงิน 20 ล้านบาทแลกกับการออกรายการโหนกระแส
ต่อมาเวลา 15.30 น. นายวิฑูรย์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เปิดเผยว่า สำหรับคดี 20 ล้าน ได้มีการพูดคุยกับบอสปัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบอสปันให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า เนื่องจากเมื่อเดือน มิ.ย. คาบเกี่ยว ก.ค. ที่บอสบอสพอลไปพบที่บ้าน น.ส.กฤษอนงค์ ในนามของบริษัท และจ่ายเงิน 750,000 บาทนั้น โดยอ้างว่าเป็นการจ่ายเงินเพื่อกำจัดเพจผี แต่สุดท้ายเรื่องก็ไม่จบ บอสพอลเลยโกรธ น.ส.กฤษอนงค์
พอช่วงเดือน ต.ค. ที่บริษัทดิไอคอน กำลังเป็นประเด็นทางสังคม น.ส.กฤษอนงค์ จึงได้ชวนให้บอสพอลมาพูดคุยที่บ้านในนามบริษัท แต่บอสพอลยังคงโกรธ บอสปันจึงเข้าไปคุยแทน ในนามของบริษัทฯ ไม่ใช่ไปในนามส่วนตัว ก่อนที่จะปรากฏคลิปเสียงดังกล่าว นั่นจึงทำให้แน่ชัดแล้วว่า เหตุการณ์คลิปเสียง 20 ล้านบาทนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นในนามส่วนตัวของบอสปัน แต่เกิดขึ้นในนามของบริษัทฯ
ดังนั้น ในเรื่องนี้จะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.กฤษณ์อนงค์และฟิล์ม รัฐภูมิ ในนามของบริษัทฯ ซึ่งตอนนี้บอสพอลได้รับทราบเรื่องแล้ว อยู่ในระหว่างการเซ็นเอกสารมอบอำนาจในนามนิติบุคคลเพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทั้งสองคน คาดว่าน่าจะเป็นภายในสัปดาห์หน้า สำหรับข้อหาความผิดนั้น จากพฤติการณ์ที่ส่อได้ชัดว่า ปรากฏข้อความที่มีลักษณะเป็นการข่มขู่ ไม่ใช่เป็นการหลอกลวงฉ้อโกง ดังนั้น จึงจะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วในส่วนของข้อหาพยายามฉ้อโกงจะเข้าข่ายหรือไม่ ทนายวิฑูรย์ กล่าวว่า เข้าข่ายเช่นเดียวกัน แต่จะแจ้งความในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ ที่มีอัตราโทษสูงกว่า อย่างไรก็ดีเนื่องจากเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ทั้งคู่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม แล้วศาลสามารถลงโทษในฐานความผิดเกี่ยวกับฉ้อโกงได้ โดยไม่แตกต่างกันในสาระสำคัญ
ทนายวิฑูรย์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากที่ตนได้เล่าคดีดังกล่าวให้บอสปันฟังว่า ทั้งสองคนได้ออกมาพูดแก้ต่างว่าเป็นการจ่ายเพื่อเป็นค่าแผน PR บอสปันได้แต่ส่ายหัว เพราะไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด ยืนยันว่าทางบริษัทได้จ้าง PR กับบริษัท PR โฆษณายักษ์ใหญ่รายหนึ่ง ไม่เคยจ้างทั้งสองคนและทั้งสองคนนั้นก็ไม่ได้ทำธุรกิจ PR แต่อย่างใด ทั้งนี้ บอสปันยินดีที่เรื่องดังกล่าวได้เปิดเผยขึ้นมาและยินดีที่จะให้ทางพนักงานสอบสวนเข้ามาสอบปากคำเรื่องดังกล่าว โดยได้มีการหารือเบื้องต้นเกี่ยวกับคำให้การกับทนายความไว้แล้ว
นอกจากนี้ ทนายวิฑูรย์ ยังได้เปิดเผยอีกว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่า ผู้เสียหาย 89 รายที่ น.ส.กฤษอนงค์ เคยเปิดประเด็นมาเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทนั้น เป็นผู้ที่เสียหายจากการลงทุนเปิดบิลในระบบของบริษัทดิไอคอนฯ จริงหรือไม่ เนื่องจากตนมีข้อมูลว่า มีบางคนที่สามารถเบิกสินค้าขายได้ตามปกติ แต่มาสมอ้างว่าเป็นผู้เสียหายที่ไม่สามารถเบิกสินค้าได้ แต่เรื่องนี้รอตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน และจะเปิดเผยอย่างละเอียดภายในสัปดาห์หน้า
หากพบว่าใครไม่ใช่ผู้เสียหายที่แท้จริง ก็จะถือว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการเดียวกัน ส่วนกรณีที่มีการปล่อยคลิปเสียงที่อ้างว่า น.ส.กฤษอนงค์ จ่ายเงิน 10 ล้านบาท ให้ DSI นั้น ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าวและยังไม่ได้ฟังคลิปเสียงดังกล่าว
ทนายวิฑูรย์ กล่าวว่า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากกรณีที่ น.ส.กฤษอนงค์ เปิดยุทธการลำเลียงระเบิด โดยให้ผู้เสียหายเข้าไปให้การกับพนักงานสอบสวนว่าบริษัทเป็นแชร์ลูกโซ่ จึงส่งผลทำให้บริษัทถูกดำเนินคดีในเรื่องแชร์ลูกโซ่ และเมื่อเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ ก็จะถูกตรวจเส้นทางการเงินจนนำมาสู่การอายัดบัญชีของตัวแทนทั้งสองฝ่าย เพราะอาจจะเข้าใจว่าเป็นแม่ข่าย
ดังนั้น จึงจะเห็นแล้วว่า คดีแชร์ลูกโซ่จึงเปรียบเสมือนเป็นระเบิดที่ส่งผลกระทบทั้งสองฝ่ายเสมือนชื่อยุทธการดังกล่าว จากการพูดคุยกับบอสป๊อบ จึงได้แนวทางเบื้องต้นว่า อยากให้ฝั่งผู้เสียหายที่ไปให้ปากคำกับทางตำรวจ ไปแก้คำให้การว่าไม่ใช่เรื่องแชร์ลูกโซ่ และเป็นธุรกิจจริง ๆ เพียงแต่อาจจะเกิดปัญหาเรื่องการขายสินค้าไม่ได้ เพราะตนก็เชื่อว่ามีผู้เสียหายจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบว่าถูกอายัดบัญชี
ตนมองว่ายังมีโอกาสในการแก้ไขคำให้การ มิเช่นนั้น ถึงไม่แก้คำให้การคุณก็ต้องเตรียมตัวขึ้นไปให้การในชั้นศาล หากกลายเป็นเรื่องเท็จก็อาจจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้และไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย พวกคุณอย่าไปเชื่อใครมาก พร้อมทั้งระบุอีกว่า ตอนนี้บรรดาบอสที่ถูกจองจำในเรือนจำและทัณฑสถานนั้นเลยจุดที่โกรธบรรดาผู้เสียหายแล้ว ตอนนี้ต้องมาหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ส่วนฝั่งตัวแทนที่ไม่ได้เป็นผู้เสียหาย ก็ต้องเตรียมคำให้การเพื่อต่อสู้ข้อกล่าวหาเรื่องแชร์ลูกโซ่เช่นเดียวกันและต้องยืนยันได้ว่าเงินที่ได้มาเป็นเงินจากการขายสินค้า โดยสัปดาห์หน้าตนจะพาพยานตัวแทนเหล่านี้ไปหารือกับทางดีเอสไอ เพื่อสอบปากคำอีกครั้งในข้อต่อสู้ข้างต้น
ทนายวิฑูรย์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า ปกติแล้วการทำงานของดีเอสไอ ในคดีฟอกเงินนั้น จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีมูลฐานที่เกี่ยวกับฉ้อโกงประชาชนหรือกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ถึงจะเริ่มทำคดีฟอกเงินได้ แต่ปรากฏว่าในกรณีดิไอคอน ทางดีเอสไอ ได้ตั้งเรื่องคดีฟอกเงินคู่ขนานไปกับคดีที่อยู่ในมือของตำรวจ จึงตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมดีเอสไอ ถึงแหวกธรรมเนียมดังกล่าว ตนจึงมองว่า ดีเอสไอ ควรต้องระมัดระวังในเรื่องดังกล่าวให้มากว่า ควรจะทำเรื่องฟอกเงินต่อไปหรือไม่ เพราะมิเช่นนั้นจะถือว่ามาตรฐานของดีเอสไอ นั้นเปลี่ยนไป โดยในสัปดาห์หน้าตนจะไปถามทางดีเอสไอ ในประเด็นดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ทนายวิฑูรย์ ยังกล่าวถึงกรณีตัวแทนของบริษัทถูกอายัดบัญชี ไม่ว่าจะเป็นฝั่งผู้เสียหายที่แจ้งความร้องทุกข์และตัวแทนที่เป็นพยานให้ฝั่งผู้ต้องหา หลังถูกดีเอสสไอ ตั้งเรื่องสอบสวนความผิดฐานฟอกเงิน โดยไม่เป็นการยึดอายัดแบบไม่ตั้งตัว ทำให้ตัวแทนบริษัทใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ไม่มีเงินเลี้ยงดูครอบครัวและไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียน ซึ่งตัวแทนหลายคนก็ได้ออกมาบ่นภายในกลุ่มแชทของตัวแทน
โดยทนายความก็ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วและเชื่อว่าน่าจะมีตัวแทนถูกอายัดบัญชีมากกว่า 50 ราย แต่ฝั่งผู้เสียหาย ตนไม่ทราบจำนวนว่ามีเท่าไหร่ ในวันนี้ตนจึงนำประเด็นเรื่องดังกล่าวไปคุยกับบอสป๊อป นายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือ