ข่าว

เปิดสาเหตุ "ป้าติ๋ม" แม่บ้านหญิงฝรั่งเศส หมดสิทธิ์ มรดก 100 ล้าน

เปิดสาเหตุ "ป้าติ๋ม" แม่บ้านหญิงฝรั่งเศส หมดสิทธิ์ มรดก 100 ล้าน

26 พ.ย. 2567

เปิดสาเหตุ "ป้าติ๋ม" แม่บ้านหญิงฝรั่งเศส หมดสิทธิ์ มรดก 100 ล้าน หลังตำรวจหอบหลักฐาน แจ้งความแหม่มแคทเทอร์ริน บริษัทฯ ใช้นิมินีทำธุรกิจ

จากกรณี แคทเทอร์ริน เดลาคอท นักธุรกิจสาวชาวฝรั่งเศส วัย 59 ปี เจ้าของวิลล่าหรูให้เช่าบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ตัดสินใจลาโลกหลังป่วยเป็นมะเร็ง โดยทิ้ง "พินัยกรรม" ยก "มรดก" ทรัพย์สิน อาทิ บ้านวิลล่า ที่ดินเปล่า 2 ไร่ รถหรู เครื่องประดับแหวนเพชร เงินสดในธนาคาร มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ให้กับนางณัฐวลัย หรือ "ป้าติ๋ม" แม่บ้านคนสนิท เหตุเกิดเมื่อ 29 เม.ย. 2567

26 พ.ย. 2567 พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี มอบหมายให้ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ร่มไทร รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.กาญจนดิษฐ์ ร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.เกาะสมุย ให้ดำเนินคดีกับ บริษัท จี.วี.เอ็น.อี.จำกัด บริษัท แม็กซิเคท จำกัด ในฐานะนิติบุคคล และ นางแคทเทอร์ริน โจรี่ โรแล็นด์ เจอร์แมน เดลาคอท อายุ 59 ปี สัญชาติฝรั่งเศส

ฐานร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการ เป็นคนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคล ถือหุ้นแทน

นอกจากนี้ ยังร้องทุกข์กล่าวโทษนายทองใส อายุ 50 ปี นางรัชประภา อายุ 36 ปี ในข้อหา ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ, ร่วมกันสนับสนุนช่วยเหลือให้คนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยผิดชอบด้วยกฎหมาย

พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว. สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ก่อนเสียชีวิต นางแคทเทอร์ริน ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ป้าติ๋ม แม่บ้านคนสนิท มูลค่า 100 ล้านบาท ประกอบด้วย วิลล่าหรู พร้อมที่ดินที่เกิดเหตุ มูลค่าราว 30 ล้านบาท ที่ดินเปล่า 2 แปลง ที่มีพื้นที่ติดกับวิลล่า มูลค่าราว 20 ล้าน และทรัพย์สินอื่นๆ

สำหรับทรัพย์สินเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ตกเป็นประเด็นต้องตรวจสอบ เนื่องจากคนต่างชาติไม่สามารถถือครองได้ ตำรวจจึงสืบสวนจนพบพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่า มีการใช้นอมินีทำธุรกิจในนิติบุคคล ที่มีบุคคลต่างด้าวเป็นกรรมการ เป็นตัวแทนอำพราง และพบว่ามีสำนักงานกฎหมายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และให้การช่วยเหลือในการจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคลชาวต่างด้าว ซึ่งจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้