พระ-สัปเหร่อ ขนลุกซู่! วิญญาณพม่าเฮี้ยน แสดงอิทธิฤทธิ์ไฟไหม้โลง กลางดึก
พระ-สัปเหร่อ ขนลุกซู่! วิญญาณเมียนมาเฮี้ยน แสดงอิทธิฤทธิ์ไฟไหม้โลง กลางดึก ผวาซ้ำ รุ่งเช้าดอกไม้หน้าหีบศพ ร่วงกองกับพื้น
29 พ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดราษฎร์เจริญศรัทธาธรรม หลังจากที่ได้รับแจ้งว่ามี 2 สัปเหร่อ ถูกวิญญาณเฮี้ยนหนุ่มเมียนมาหลอกหลอน โดยได้พบกับนายภาคภูมิ (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี และนายชโลธร (สงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี 2 มัคทายกและสัปเหร่อ พาผู้สื่อข่าวไปดูโลงเย็น ซึ่งบริเวณฝาครอบ พบร่องรอยเขม่าดำที่เกิดจากไฟไหม้วางอยู่บริเวณขอบประตู
นายภาคภมูิ เล่าเหตุการณ์เมื่อกลางดึก 28 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า ช่วงประมาณตี 2 เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ดอกไม้ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าหีบศพ (โลงเย็น) ของหนุ่มเมียนมา ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว ทราบชื่อต่อมา นาย MIN AUNG อายุ 38 ปี เหตุการณ์ไม่จบเพียงเท่านั้น ไฟยังลุกไหม้บริเวณหีบศพของผู้ตาย ซึ่งตั้งอยู่ภายในโลงเย็นขึ้นอีกครั้ง ตนเองและนายชโลธร ต้องรีบเปิดฝาโลงเย็น และช่วยกันดับไฟกันจ้าละหวั่น
ผ่านไปไม่นานขณะที่กำลังจะนอนหลับ ก็ได้กลิ่นไฟไหม้อีกครั้งภายในโลงเย็น เมื่อลุกไปดูก็พบว่า มีไฟลุกไหม้บริเวณด้านข้างของร่างไร้วิญญาณหนุ่มเมียนมา จึงพากันรีบดับไฟ และเปิดพัดลมไล่กลิ่นควันออกจากศาลาธรรมสังเวช พอจะกลับมานอนหัวยังไม่ถึงหมอน ก็มีเหตุการณ์พานพลาสติก ขวด และที่รองกรวดน้ำ ตกพื้นอีกถึง 5 ครั้ง จนต้องพากันไปไหว้พระประธาน ซึ่งตั้งอยู่ภายในศาลาฯ
ระหว่างกำลังจะปูเสื่อนอนกันอีกครั้ง ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด ตู้ลำโพงล้มลงมาทับหัวนายชโลธร จนต้องพากันวิ่งไปขอให้พระที่จำวัดอยู่ในวัดลงมาช่วย ก่อนที่จะพากันเก็บผ้าห่ม ที่นอน ย้ายไปนอนบนศาลาการเปรียญซึ่งห่างจากศาลาธรรมสังเวช ประมาณ 50 เมตร ก่อนจะย้ายที่นอน ทาง 2 สัปเหร่อ ยังได้ท้าทายวิญญาณหนุ่มพม่าสุดเฮี้ยนว่า หากแน่จริงให้ล้มดอกไม้ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าหีบศพให้หมด พอตื่นมารุ่งเช้าถึงกับผวาดอกไม้ที่ตั้งประดับหน้าหีบศพ ล้มครืนลงมากองกับพื้น
นายภาคภูมิ บอกว่า ไม่รู้สึกกลัว เพราะตนทำอาชีพนี้มาถึง 30 ปี แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น หากมีการจุดธูปขอขมาก็จะจบไป เหตุการณ์นี้ถือว่าร่ำไร จุดธูปขอขมาแล้วยังไม่ยอมจบ ซึ่งตอนนั้นเวลาตี 3 อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุหลอน ก็ได้นิมนต์พระมาทำพิธีให้ครบตามวาระ ส่วนตนเองกลับบ้านไปอาบน้ำ พอกลับมาศาลา ทางลูกน้องของตนแจ้งว่า ไฟได้ลุกไหม้บริเวณดอกไม้ และหัวผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่ในโรงเย็นขึ้นอีกครั้ง ตนจึงคิดว่าทางผู้ตายคงอยากจะไปแล้ว จึงได้แจ้งทางภรรยาและญาติของผู้เสียชีวิตให้ดำเนินการฌาปนกิจศพในช่วงเวลา 10.00 น. ของวันนั้นเลย
นายภาคภูมิ กล่าวอีกว่า ก่อนที่จะมีการฌาปนกิจศพ ได้เปิดฝาโลง เห็นตัวเลข 341 จากนั้นได้นำร่างผู้เสียชีวิตเข้าสู่เมรุเพื่อทำการเผาศพ ปกติร่างผู้เสียชีวิตทั่วไป จะใช้ถ่านในการเผาศพประมาณ 4 กระสอบ แต่เคสนี้ต้องใช้ถ่านมากถึง 7 กระสอบ เพราะเผายังไงก็ไม่ไหม้ รวมถึงให้ทานภรรยาผู้เสียชีวิต มาจุดธูปบอกกล่าว ก่อนที่ร่างหนุ่มเมียนมาจะเผาจนไหม้