ผอ.โรงพยาบาลกันทรลักษ์ ยังไม่เห็นคำสั่งย้าย เผย พร้อมปฏิบัติตามคำสั่ง | คมชัดลึก

11 ธ.ค. 2567 เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ห้องประชุมชั้น 5 โรงพยาบาลกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายอดุลย์ วันดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมคณะ เข้ารับฟังข้อมูล ระเบียบ มาตฐานการดูแลผู้ป่วยกลุ่มติดเหล้า ติดยาเสพติด และกลุ่มจิตเวช โดยมี นายแพทย์ลักษณะเลิศ วรรณภาสนี ผอ.โรงพยาบาลกันทรลักษ์ และคณะแพทย์พยาบาล ให้การต้อนรับ

หลังจบการประชุม ผอ.โรงพยาบาลกันทรลักษ์ ได้พาคณะ ป.ป.ช. ไปเดินดูจุดต่างๆ และเส้นทางการรับผู้ป่วย ไปจนถึงจุดที่ผู้ป่วยเสียชีวิต ก่อนจะมาดูกล้องวงจรปิดช่วงเกิดเหตุภายในห้องประชุมชั้น 5

นายอดุลย์ วันดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวมีการทำร้ายผู้ป่วยจนทำให้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลของรัฐ และมีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ป.ป.ช.ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และตรวจสอบทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย 

ผลการประชุม โรงพยาบาลชี้แจงว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ สำหรับแนวทางของ ป.ป.ช. ตอนนี้ทางญาติผู้เสียชีวิตได้แจ้งความร้องทุกข์ไปแล้ว ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน ว่ามีใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำบ้าง ซึ่งที่เกิดเหตุตามภาพวงจรปิด มี 4 คน ประกอบด้วย พยาบาลวิชาชีพ 2 คน พนักงาน และลูกจ้างอีก 2 คน ล่าสุดได้มีการสั่งพักงานพนักงาน และลูกจ้าง 2 คน ส่วนพยาบาลยังต้องรอกระบวนการสอบสวนหาข้อเท็จจริง

ด้าน ผอ.โรงพยาบาลกันทรลักษ์ เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่าภาพวงจรปิดที่ออกไปนั้น มีพยาบาลหญิง 2 ท่าน และชาย 2 คน เป็นพนักงานสาธารสุข และลูกจ้าง ซึ่งภาพเหตุการณ์ดังกล่าวมันแสดงให้เห็นว่าพยาบาล และเจ้าหน้าที่ ที่เข้าควบคุม ไม่ได้ทำตามมาตฐาน และกระทำเกิดกว่าเหตุจริงๆ ส่วนเรื่องกุญแจมือที่เห็นภาพกล้องวงจรปิดนั้น ไม่ใช่ของโรงพยาบาลกันทรลักษ์ เป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าฝ่ายปกครอง ที่ทิ้งไว้ตอนมาส่งผู้ป่วย ยอมรับมาตการในการควบคุมผู้ป่วยไม่มีการใส่กุญแจมือแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามกรณี รมว.กระทรวงสาธารณสุข สั่งย้าย ผอ.โรงพยาบาลกันทรลักษ์ ทาง นายแพทย์ลักษณะเลิศ กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นคำสั่ง แต่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง

ส่วนความคืบหน้าทางคดี พนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ได้สอบปากคำพยานแวดล้อม และรวบรวมหลักฐาน เตรียมแจ้งข้อหากับผู้กระทำผิด ส่วนจะมีกี่คน ต้องดูบริบทและเจตนา