ข่าว

เปิดค่าจ้าง สาวบัญชีม้า ขบวนการหลอก "ชาล็อต ออสติน" คุ้มมั้ย โดนจับข้อหาหนัก

เปิดค่าจ้าง สาวบัญชีม้า ขบวนการหลอก "ชาล็อต ออสติน" คุ้มมั้ย โดนจับข้อหาหนัก

15 ธ.ค. 2567

สาวบัญชีม้า ขบวนการหลอก "ชาล็อต ออสติน" แฉมีคนพาข้ามแดน ไปสแกนหน้าถึงกัมพูชา ตัวการใหญ่เป็นบอสชาวจีน คอยสั่งการคนไทย 15-20 คน

15 ธ.ค. 2567 เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 แถลงความคืบหน้าปฏิบัติการล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลวง "ชาล็อต ออสติน" สูญเงินกว่า 4 ล้านบาท

สืบเนื่องจาก น.ส.ชาล็อต ออสติน ผู้เสียหายมาแจ้งความว่าได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยได้มีคนร้ายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้โทรไปหาผู้เสียหาย อ้างว่ามีการตรวจสอบข้อมูลพบชื่อของผู้เสียหาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน และได้มีการโอนสายให้คุยกับบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมความเสียหายกว่า 4 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายรู้ตัวว่าโดนหลอก จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, พ.ต.ท.ธธีร์ธร เพชรสิราสิงห์ รรท.ผกก.3 บก.สอท.1 มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ไซเบอร์ ทำการสืบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการดังกล่าว

เปิดค่าจ้าง สาวบัญชีม้า ขบวนการหลอก \"ชาล็อต ออสติน\" คุ้มมั้ย โดนจับข้อหาหนัก

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ กก.3 บก.สอท.1 ได้สืบสวนจนทราบตัวผู้ร่วมขบวนการ และสามารถจับกุมตัว นางสาวปาริฉัตต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 5999/2567 ลงวันที่ 12 ธ.ค.67 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ ด้วยการขู่เข็ญ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือ ปลอมว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยเป็นการกระทำต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด

และ เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” โดยจับกุมตัวได้ที่ บริเวณบ้านหนองไผ่ล้อม ต.หนองบัวใหญ่ อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ

เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้ากล่าวหา แต่ยอมรับในข้อหา “เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากฯ” โดยอ้างว่า เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา สามีของผู้ต้องหาได้บอกว่ามีงานพิเศษให้ทำ คือการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับรายได้ โดยมีตอบแทนให้บัญชีละ 3,500 บาท ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่าการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารนั้นมีความผิดตามกฎหมาย ทั้งตนและสามีจึงตกลงรับงานและแยกย้ายกันไปเปิดบัญชี

เปิดค่าจ้าง สาวบัญชีม้า ขบวนการหลอก \"ชาล็อต ออสติน\" คุ้มมั้ย โดนจับข้อหาหนัก

ต่อมา ผู้ที่จ้างเปิดบัญชีได้เดินทางมาที่บ้านของตนเพื่อถ่ายรูปสมุดบัญชีธนาคารที่เปิดใหม่ และแจ้งว่าตนและสามีต้องเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชา จำนวน 2 วัน จากนั้นช่วงค่ำได้มีรถแท็กซี่มารับตนกับสามี เมื่อขึ้นรถพบว่า ยังมีคนอื่นที่รับจ้างเปิดบัญชีเดินทางไปกับตนด้วย โดยเดินทางจากพื้นที่ จ.นนทบุรี ด้วยรถแท็กซี่จำนวน 2 คัน ไปลงที่บริเวณตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนส่งลงจากรถแล้วมีรถจักรยานยนต์รับไปส่งที่จุดข้ามแดนใกล้ตลาดโรงเกลือ

จากนั้นใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 5-10 นาที ในการข้ามแดนโดยผ่านเส้นทางธรรมชาติที่มีลักษณะเป็นที่รกร้าง ต้องข้ามลำน้ำขนาดเล็กด้วยแพโฟมชักรอกข้ามลำน้ำ และมีบุคคลที่นำพาข้ามแดนประมาณ 2-3 คน คอยเตรียมพร้อมรับตัวคนข้ามแดนอยู่ที่ฝั่งเพื่อนบ้าน และมีรถตุ๊กๆมารับไปส่งยังตึกแถวแห่งหนึ่งฝั่งกัมพูชา

เปิดค่าจ้าง สาวบัญชีม้า ขบวนการหลอก \"ชาล็อต ออสติน\" คุ้มมั้ย โดนจับข้อหาหนัก

เมื่อไปถึงอาคารดังกล่าว พบว่ามีคนไทยประมาณ 15-20 คนอาศัยอยู่ด้วย รวมทั้งมีชาวจีนประมาณ 3-4 คนซึ่งคาดว่าเป็นผู้ควบคุมอาศัยอยู่ด้วย มียามคอยสแกนนิ้วเปิดปิดประตูเข้าออกตลอดเวลา มีโต๊ะทำงานคอมพิวเตอร์ จากนั้นได้มีบอสชาวจีนสั่งลูกน้องให้ยึดบัตรประชาชน และสมุดบัญชีธนาคาร และโทรศัพท์มือถือ พร้อมโดนสั่งให้บอกรหัส Mobile Banking ในการทำธุรกรรมแอพฯ ธนาคาร

จากนั้นได้ส่งมอบให้แก่บอสชาวจีนตลอดเวลาผู้ต้องหาและคนไทยคนอื่นๆ โดนขังอยู่ในห้องปิดม่านทึบ โดยถูกสั่งให้พักคอย ไม่ต้องทำอะไร จนกว่าถูกเรียกตัวไปสแกนหน้าผ่านแอพพลิเคชัน Mobile Banking ที่ได้ลงทะเบียนไว้ โดยสแกนวันละ อย่างน้อย 1 รอบ หรือมากกว่านั้น ระหว่างวันจะมีข้าวกล่องมาส่งให้มื้อละกล่องต่อคน

ภายหลังได้มีคนไทยที่เป็นผู้ช่วยบอสจีน เข้ามาแจกค่าจ้างเป็นเงินสดซึ่งเป็นธนบัตรไทยแก่ผู้ที่ทำภารกิจสแกนเสร็จสิ้นแล้ว โดยผู้ต้องหามีบัญชีธนาคาร 4 เล่ม ได้รับเงินจำนวน 14,000 บาท ภายหลังบัญชีดังกล่าวถูกกอายัดจึงถูกส่งตัวกลับประเทศไทยผ่านช่องทางเดิม และผู้ต้องหาได้กลับมาทำงานอาชีพแม่บ้านและใช้ชีวิตปกติ กระทั่งถูกตำรวจไซเบอร์เข้าจับกุมในที่สุด

ทั้งนี้ ตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีเพิ่มเติม และยืนยันว่าตำรวจไซเบอร์ทุกนายมีความตั้งใจในการทำคดีอย่างเต็มที่ในทุกคดี เพื่อเป็นที่พึ่งและเยียวยาความเดือดร้อนของผู้เสียหายทุกราย ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนมีชื่อเสียง บุคคลทั่วไป หรือกลุ่มเปราะบาง จึงขอให้มั่นใจในการทำงานของตำรวจไซเบอร์