ขยายผลจับเพิ่ม ขบวนการหลอก "ชาล็อต ออสติน" รวบสาวสอง จ้างเปิดบัญชีม้า
ตำรวจไซเบอร์ ขยายผลจับเพิ่ม ขบวนการหลอก "ชาล็อต ออสติน" สูญเงิน 4 ล้าน รวบสาวสอง อดีตบัญชีม้าแถวแรก ผันตัวเป็นผู้จัดหา
18 ธ.ค. 2567 เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงความคืบหน้า ปฏิบัติการล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลวง "ชาล็อต ออสติน" สูญเงินกว่า 4 ล้านบาท
ล่าสุดตำรวจไซเบอร์ กก.3 บก.สอท.1 ขยายผลจับกุม นายอาทิตญา (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 6178/2567 ลงวันที่ 17 ธ.ค. 2567 โดยจับกุมได้ที่หน้าบ้าน ต.บางศรีเมือง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นผู้ที่ว่าจ้าง น.ส.ปาริฉัตต์และสามี (ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้) ให้เปิดบัญชีม้า และเดินทางข้ามแดนไปสแกนหน้าที่ประเทศกัมพูชา
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการตรวจค้นในบ้านหลังดังกล่าว ตามหมายค้นของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ ค.1119/2567 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ซึ่งนายอาทิตญาเป็นผู้นำการตรวจค้น จากการตรวจค้นพบ สมุดบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น 12 เล่ม, โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง, ซิมการ์ด และบัตร ATM
สอบสวน นายอาทิตญา ให้การว่า ตนเคยถูกว่าจ้างให้เปิดบัญชีและไปสแกนหน้าที่ประเทศกัมพูชามาก่อน หลังจากที่บัญชีถูกอายัดแล้ว จึงเดินทางกลับมาประเทศไทย แต่ก็ยังติดต่อกับผู้ร่วมขบวนการที่รู้จักกันที่กัมพูชาอยู่ จึงผันตัวมาเป็นคนกลางผู้รวบรวมบัญชีม้า แล้วส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านแทน
เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ ด้วยการขู่เข็ญ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือ ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยเป็นการกระทำต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด, เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการขายบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใดและมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”
ทั้งนี้ ตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีเพิ่มเติม และยืนยันว่าตำรวจไซเบอร์ทุกนายมีความตั้งใจในการทำคดีอย่างเต็มที่ในทุกคดี เพื่อเป็นที่พึ่งและเยียวยาความเดือดร้อนของผู้เสียหายทุกราย ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนมีชื่อเสียง บุคคลทั่วไป หรือกลุ่มเปราะบาง จึงขอให้มั่นใจในการทำงานของตำรวจไซเบอร์