"อาจารย์เบียร์" แจงทุกประเด็น หลังถูกแจ้งความ หมิ่นมหาเถรสมาคม-ม.112 | คมชัดลึก

11 ม.ค. 2568 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่  อาคารหมอเส็ง สำนักงานใหญ่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นายสัญชัย วันพิรัตน์ หรือ "อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม" แถลงกรณีประเด็นดราม่า โดยมีนายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ประธานกรรมการบริษัท หมอเส็ง(ไทยแลนด์) จำกัด, นายสุทธิ กิตติศุภพร อดีตอธิบดีอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้, หม่อมหลวงสกุล มาลากุล อดีตสมาชิกวุฒิสภา ร่วมแถลงข่าวด้วย

อาจารย์เบียร์ กล่าวว่า เนื่องจากมีคลิปวิดีโอที่แชร์กันอยู่ในโลกโซเซียล ที่อาจารย์ไลฟ์สดสอนธรรมะทุกวัน คลิปนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย. 2567 เขาไปขุดขึ้นมาแชร์ย้อนหลังเพื่อให้เป็นประเด็น พร้อมชี้แจงกรณีการพูดพาดพิงบุคคลสำคัญ ความเป็นจริงตนไม่ได้พาดพิงสถาบัน แต่เจตนาเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา ส่วนที่อาจารย์พูดว่ามีแบล็คใหญ่ ช่วงต้นคลิปก็พูดชัดเจนแล้วว่า แบล็คเราคือพระพุทธเจ้า ไม่มีใครใหญ่เกินพระพุทธเจ้าได้ ซึ่งเป็นการพูดยกตัวอย่าง ไม่ได้มีเจตนาพูดถึงสถาบันแต่อย่างใด

อาจารย์เบียร์ กล่าวอีกว่า สำหรับคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่กันอยู่นั้น มีการตัดเนื้อหาของพระพุทธเจ้าออกให้เหลือแค่เนื้อหาที่อาจารย์พูดว่ามีแบล็คใหญ่ จนทำให้บุคคลอื่นเข้าใจผิด จนนำไปสู่การฟ้องร้องเอาผิด ม.112 ซึ่งเป็นการใส่ร้ายป้ายสีและดึงสถาบันมาเกี่ยวข้อง ขอยืนยันอีกครั้งว่า ตนไม่มีเจตนาในการพาดพิงถึงสถาบัน แต่คนที่ตัดคลิปมีเจตนาอะไร มีเจตนาพาดพิงถึงสถาบันเองหรือไม่

ส่วนกรณีมีการไปปั่นกระแสว่าตนไปจาบจ้วงถึงสมเด็จพระสังฆราช อาจารย์เบียร์ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาตนถวายเงินให้กับคณะสงฆ์ตามวัดที่นับถือศรัทธา ไปกว่า 20 ล้านบาท จะมาบอกว่าตนล่มจมต่อศาสนาได้อย่างไร รวมถึงปีใหม่ที่ผ่านมา ตนได้จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี มีประชาชนเข้าร่วม 4,000 กว่าคน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระสังฆราช อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตนพยายามที่จะเข้าไปกราบพระเถระด้วยตัวเอง

อาจารย์เบียร์ กล่าวอีกว่า ตนพร้อมเคลียร์กับกลุ่มกองทัพธรรม ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้านหลังบ้าน แต่ละรายการที่ติดต่อไปนั้น กองทัพธรรม ไม่ยอมรับสาย และไม่ยอมออกรายการ จึงทำให้ตนไม่สามารถที่จะชี้แจงเจตจำนงที่แท้จริงของตนเองได้ ซึ่งถ้าอยากจะให้ศาสนานั้นดีขึ้น เป็นคนพุทธและยึดมั่นในศาสนา ก็ควรจะสมานฉันท์กัน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้หากพิสูจน์แล้วว่าไม่มีความผิดจะฟ้องกลับกับคนที่แจ้งความหรือไม่ อาจารย์เบียร์ ระบุว่า ในส่วนของตนเองไม่ได้คิดว่าจะต้องฟ้องกลับ แต่ในส่วนของคนอื่นหรือทีมงานที่เกี่ยวข้องก็แล้วแต่ดุลพินิจของเขาให้เขาตัดสินใจกันเอง

ด้าน นายสุทธิ กิตติศุภพร เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ที่ตนเป็นอัยการมา 46 ปี มองว่าเรื่องดังกล่าวมีความผิด หรือไม่ให้ดูที่เจตนาในการที่ไปกล่าวอ้างความผิดมาตรา 112 นั้นเป็นข้อหาที่ยิ่งใหญ่มาก ดังนั้นต้องดูการกระทำว่ามีเจตนามุ่งหมายอะไร และต้องดูให้ครบถ้วนทั้งหมด ไม่ใช่การตัดตอนหรือหยิบบางข้อความมาเท่านั้น ซึ่งตนเองไม่ได้ดูข้อเท็จจริงทั้งหมด จึงไม่สามารถที่จะวินิจฉัยชี้ขาดได้ แต่เบื้องต้นในมุมมองของนักกฎหมาย ข้อเท็จจริงนั้นยังไม่จบสิ้น แต่ส่วนตัวยังมองว่าขาดเจตนา