ข่าว

ศุลกากร จับกุม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ กว่า 256 ตัน ลักลอบนำเข้า ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง

ศุลกากร จับกุม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ กว่า 256 ตัน ลักลอบนำเข้า ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง

15 ม.ค. 2568

กรมศุลกากร จับกุม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ จากญี่ปุ่น และฮ่องกง กว่า 256 ตัน ลักลอบนำเข้า ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง

15 ม.ค. 68 เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายจักกฤช อุเทนสุต รองอธิบดีกรมศุลกากร ร่วมกันแถลงข่าวกรมศุลกากรจับกุม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ นำเข้าทางท่าเรือแหลมฉบังจำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักกว่า 256 ตัน

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ โฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพของประชาชน โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงได้สั่งการให้กรมศุลกากรเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากรจึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเฝ้าระวังและเร่งรัดปราบปรามสินค้าประเภท ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ในการนำเข้าและนำผ่านราชอาณาจักร จากการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด

ศุลกากร จับกุม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ กว่า 256 ตัน ลักลอบนำเข้า ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง

ต่อมาทราบว่าจะมีการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านทางท่าเรือ เมื่อวันที่ 3 และ 6 มกราคม 2568 กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปรามร่วมกับสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ได้ทำการตรวจสอบตู้สินค้าต้องสงสัย จำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พบว่า มีการแสดง ข้อมูลในใบขนสินค้าเป็น เศษโลหะและโลหะเก่าใช้แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการอายัดตู้สินค้าดังกล่าวเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด

ผลการตรวจสอบ พบว่าสินค้ามีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น จำนวน 9 ตู้ และฮ่องกง จำนวน 1 ตู้ ภายในพบเศษชิ้นส่วนอุปกรณ์หรือส่วนประกอบของเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไม่ได้ มีสภาพเป็นเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์ ปริมาณกว่า 256,320 กิโลกรัม ซึ่งสินค้าดังกล่าว ถือเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ต้องได้รับอนุญาตให้นำเข้าจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม

และการนำเข้าสินค้าดังกล่าวต้องปฏิบัติ ตามอนุสัญญาบาเซล ว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายและการกำจัดของเสียอันตรายข้ามแดน กรณีเป็นความผิดตามมาตรา 202 มาตรา 244 ประกอบมาตรา 252 มาตรา 243 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มาตรา 5 วรรคสอง มาตรา 18 วรรคสอง มาตรา 23 และมาตรา 73 ประกอบประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม

ศุลกากร จับกุม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ กว่า 256 ตัน ลักลอบนำเข้า ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง

เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 บัญชีที่ 5.2 ของเสียเคมีวัตถุ ลำดับที่ 2.18 ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์หรือเศษชิ้นส่วนอุปกรณ์หรือส่วนประกอบของเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไม่ได้ และอนุสัญญาบาเซล ว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายและการกำจัดของเสียอันตรายข้ามแดน

สำหรับสถิติการจับกุมของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซลรวมถึงขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกในปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567-14 มกราคม 2568) ได้แก่ การจับกุมของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซล รวมถึงขยะอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 19 คดี น้ำหนัก 256,643 กิโลกรัม เศษพลาสติก จำนวน 6 คดี น้ำหนัก 322,980 กิโลกรัม รวมทั้งหมด 25 คดี จำนวน 579,623 กิโลกรัม

โฆษกกรมศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า นอกจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ กรมศุลกากรยังเฝ้าระวังสินค้าที่มีผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพและสุขอนามัยของประชาชนอื่น ๆ ด้วย เช่น เศษพลาสติก ซึ่งเป็นไปตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ ที่ห้ามนำเข้าเศษพลาสติก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568

ศุลกากร จับกุม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ กว่า 256 ตัน ลักลอบนำเข้า ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง ศุลกากร จับกุม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ กว่า 256 ตัน ลักลอบนำเข้า ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง