"ติ๊ก ชิโร่" ไม่เคยมาเยียวยา "พ่อ" เหยื่อเมาแล้วขับ หวั่นไม่เป็นธรรม
พ่อเหยื่อเมาแล้วขับรับร่างลูก "น้องจูเนียร์" ที่เพิ่งเสียชีวิต (18 ม.ค.68) เปิดใจสูญเสียลูก 2 คน หวั่นไม่เป็นธรรม เพราะที่ผ่านมา "ติ๊ก ชิโร่" เคยช่วยเหลือ แต่ไม่เคยมาเยียวยา และไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้
นายจีรวัฒน์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 56 ปี พ่อของนายจักรภัคร ศิวพรพิทักษ์ หรือ “จูเนียร์” มารับร่างลูกชายคนเล็ก เหยื่อ “ติ๊ก ชิโร่” เมาแล้วขับ หลังพักรักษาตัวมานานกว่า 3 เดือน ซึ่งที่ผ่านมาน้องจูเนียร์ นอนอยู่โรงพยาบาล 70 วัน และออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 เพื่อไปพักฟื้นอยู่ที่ศูนย์พักฟื้นไม่ได้อยู่บ้าน ซึ่งตอนออกจาก รพ.น้องอาการดีขึ้น แต่ยังไม่ได้สติ มีสภาพเจาะคอ ให้อาหารทางสะดือ และใส่ท่อปัสสาวะ และเมื่อวาน ได้พาน้องมาหาหมอฉุกเฉิน เบื้องต้นมีการติดเชื้อที่ปอด ส่วนรายละเอียดว่าเสียชีวิตเพราะอะไรนั้นต้องรอหมอนิติเวชผ่าชันสูตร และแจ้งอีกครั้ง โดยในวันนี้ 19 มกราคม 2568 ทางคุณพ่อ ได้มาทำเอกสารเพื่อที่จะรับร่างน้องไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัด
ทั้งนี้ ระหว่างพักฟื้น “ติ๊กชิโร่” มาเยี่ยมที่ โรงพยาบาล 3 ครั้ง ส่วนการเยียวยาตั้งแต่เกิดเหตุ ที่ลูกคนโต คือ น.ส.เทียนพร ศิวพรพิทักษ์ น้องเมจิ อายุ 28 ปี เสียชีวิต คุณติ๊ก ชิโร่ ช่วยเงินมา 1 แสนบาท เป็นค่าทำศพ และจ่ายค่าศาลาวัดให้ 70,000 บาท
จากนั้นมีมาช่วยเหลือ หลังจากน้องจูเนียร์ ออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ศูนย์พักฟื้น คุณติ๊กชิโร่ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงให้ส่วนค่าเยียวยาทั้งหมด พ่อบอกว่า ก่อนหน้านี้เคยคุยกับติ๊กชิโร่ เมื่อประมาณปลายเดือน ต.ค. 2567 ว่าจะยังไงกัน โดยได้เรียกร้องเงินไปจำนวนหนึ่ง แต่ผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้ว ยังไม่มีการตอบรับอะไรมา ซึ่งพ่อไม่ขอเปิดเผยยอดเงิน และในตอนนั้น คุณติ๊ก ก็รับรู้รับทราบแล้ว และบอกจะไปพิจารณาแล้วจะแจ้งกลับมา โดยมีการพูดคุยกันเป็นระยะ หลังพูดคุยก็เงียบไป
จนเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ทาง สน.จะต้องส่งสำนวนให้อัยการ แต่ที่ผ่านมาตกลงเรื่องการเยียวยากันไม่ได้สักครั้ง เพราะคุณติ๊กชิโร่ ไม่ได้มาเจรจาด้วยตนเอง จะส่งตัวแทนมา ซึ่งวันที่ 13 ม.ค.2568 ทางตำรวจบอกถ้าไม่มาจะต้องสรุปสำนวนส่งอัยการแล้ว ทำให้ในวันนั้น คุณติ๊ก ส่งตัวแทน เป็นน้องสาวมาเจรจา และแจ้งยอดเยียวยามาให้ทราบ ซึ่งน้อยกว่าเดิมที่คุยกัน และบอกว่าเป็นยอดเยียวยาสำหรับน้อง 2 คน คือ คนที่เสียชีวิตคนแรก และคนเล็กที่รักษาตัวอยู่ เพราะในวันที่เจรจา “น้องจูเนียร์” ยังไม่เสียชีวิต
แต่คุณติ๊ก ไม่ได้จะเยียวยาเป็นเงินสด โดยเสนอที่ดินผืนหนึ่งราคาประมาณ 4-5 ล้านบาท ที่ จ.โคราช แต่ไม่ได้บอกว่ากี่ไร่ และไม่ได้เห็นตัวโฉนดที่ดิน ถ้าขายได้จะนำเงินมาให้ แต่ไม่รู้จะขายได้เมื่อไหร่ หรือถ้าจะไม่รอเงินที่ขายได้ก็พร้อมจะโอนโฉนดให้เป็นชื่อพ่อ ซึ่งตนเองได้ตอบไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568 ว่าเงื่อนไขที่ยื่นมารับไม่ได้ เพราะไม่ทราบว่าราคาที่ดินจะเป็นไปตามที่คุณติ๊กแจ้งหรือไม่ และไม่รู้ว่าจะขายได้เมื่อไรด้วย รวมถึงวงเงินที่เสนอมา ดูแลน้องที่ป่วยได้ไม่เกิน 2-3ปี ก็คงจะหมด แล้วครอบครัวก็คงไปต่อไม่ได้จึงได้ปฏิเสธไป
ทั้งนี้ หลังจากที่ น้องเสียชีวิต พ่อและครอบครัวก็ยังไม่ได้ติดต่อทาง “ติ๊กชิโร่” วันนี้จึงอยากให้ช่วยพิจารณาการเยียวยา เพราะน้องอีกคนเสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตาม นายจีรวัฒน์ พ่อของน้องจูเนียร์ ยอมรับว่า รู้สึกกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาดูการกระทำ และพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ ก็มาพูดคุยดี ติดต่อกัน แต่สิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำยังย้อนแย้งกัน
“เคยบอกว่ายินดีรับผิดชอบจะดูแลทุกอย่าง ตามที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ แต่ความเป็นจริงไม่ค่อยมี ถ้าไม่ทวงถามก็เงียบไป และในทางกลับกันบอกว่ายอมรับผิดแต่ กลับไปสู้คดีร้องขอความเป็นธรรม พยายามทำคดีให้เป็นประมาทร่วม ซึ่งย้อนแย้งกับสิ่งที่เขาพูด พูดอย่างหนึ่งปฏิบัติอย่างหนึ่ง” พ่อของน้องจูเนียร์ กล่าว
โดยหลังจากนี้ หากไม่ได้รับการเยียวยา ก็คงต้องไปว่าในกระบวนการชั้นศาล ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง แต่หากคุณติ๊ก จะมาร่วมงานศพน้องก็ยินดี และหลังจากพ่อของน้องจูเนียร์ ได้ติดต่อเอกสาร เพื่อขอรับร่างลูกชายเสร็จก็เดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.สายไหม ตามขั้นตอน เพื่อจะได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมว่าการเสียชีวิตเป็นผลมาจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหรือไม่ ก่อนจะไปรับร่างลูกชาย จากนิติเวช ในเวลา 13.00น. เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน สำหรับกำหนดการสวดอภิธรรมของน้องจูเนียร์ เวลา 16.00น. วันนี้ (19 ม.ค.68) จะมีพิธีรดน้ำศพ และจะสวดอภิธรรมตั้งแต่ 19-21 ม.ค. 2568 ก่อนจะ ฌาปณกิจ ในวันที่ 22 ม.ค.2568
ที่มา: เนชั่นออนไลน์