
ซ้อนแผนจับ "สารวัตร" สภ.สะเดา ตบทรัพย์ 1 แสน แลกปล่อยตัว-ค่าทำสำนวน
ป.ป.ช. สนธิกำลัง ป.ป.ท. และตำรวจภูธรภาค 9 ซ้อนแผนจับ "สารวัตร" สภ.สะเดา ตบทรัพย์ 1 แสน แลกปล่อยตัว-ค่าทำสำนวนคดี
27 ม.ค. 2568 นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ท. และตำรวจภูธรภาค 9 จับกุม "พันตำรวจโท น." ตำแหน่ง "สารวัตรสอบสวน" สภ.สะเดา ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่
เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นพนักงานสอบสวน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 201
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2567 เวลา 05.10 น. ผู้เสียหาย ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนอยู่ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
โดยมี "พันตำรวจโท น." เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีดังกล่าว และมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้เสียหายในวันที่มีการจับกุม โดยอ้างว่าเป็นหลักประกันปล่อยชั่วคราว จำนวน 75,000 บาท และยังเรียกเงินอีก จำนวน 5,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าตอบแทนในการทำสำนวน และอำนวยความสะดวกในการประกันตัว
ต่อมายังได้เรียกเงินจากผู้เสียหาย อีกจำนวน 20,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียมในการทำสำนวนคดี ซึ่งผู้เสียหายได้มอบเงินให้แล้วรวมจำนวน 85,000 บาท คงเหลืออีกจำนวน 15,000 บาท ซึ่งนัดหมายให้ผู้เสียหายนำมามอบให้ในวันที่ 27 ม.ค. 68 ผู้เสียหายเห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง และทำให้ได้รับความเสียหาย จึงได้ร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จนนำไปสู่การร่วมสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. และตำรวจภูธรภาค 9
และวันนี้ (27 ม.ค. 2568) "พันตำรวจโท น." ได้นัดหมายให้ผู้เสียหายนำเงินจำนวน 15,000 บาท มามอบให้ในรถยนต์ส่วนตัว เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ตำรวจภูธรภาค 9 และสำนักงาน ป.ป.ท. จึงได้ร่วมกันวางแผนเข้าจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ
จากการตรวจสอบพบเงินสดจำนวน 15,000 บาท ในรถของ "พันตำรวจโท น." เจ้าหน้าที่จึงยึดเงินสดของกลางไว้เป็นหลักฐานในคดีและควบคุมตัว "พันตำรวจโท น." ส่งดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2566 มาตรา 22 และมาตรา 23 และนำตัวผู้ถูกกล่าวหาไปทำบันทึกการจับและสอบปากคำเบื้องต้น
ในชั้นนี้ผู้ถูกกล่าวหายังให้การปฏิเสธ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป