เริ่มวันนี้! สธ.แจกหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM 2.5
เริ่มวันนี้! สธ.แจกหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM 2.5 ให้กลุ่มเปราะบางพื้นที่สีส้ม-แดง แนะ! ก่อนออกบ้าน เช็คค่าฝุ่น-ใส่หน้ากากอนามัย
เริ่มวันนี้! สธ.แจกหน้ากากอนามัย ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศกว่า 8 ล้านชิ้น ให้กลุ่มเปราะบางในพื้นที่สีส้ม-แดง รับได้ที่ “โรงพยาบาลรัฐ-สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด-สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ” ยัน หน้ากากอนามัยมีเพียงพอ ไม่ขาดตลาด แนะ ก่อนออกบ้าน เช็คค่าฝุ่น-ใส่หน้ากากอนามัย
จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่หลายพื้นที่เกินค่ามาตรฐาน กระทรวงสาธารณสุข จึงได้เร่งกำชับสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง ให้ปฎิบัติตามแนวทางการแจกหน้ากากอนามัยในสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ระดับสูงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ 1.พื้นที่สีส้ม ระดับ PM 2.5 ตั้งแต่ 37.6-75.0 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร แจกหน้ากากอนามัยให้กับ กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ และกลุ่มเสี่ยงสูง 2.พื้นที่สีแดง ระดับ PM 2.5 มากกว่า 75.0 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร แจกหน้ากากอนามัยให้กับ กลุ่มเปราะบาง และประชาชน
การแจกหน้ากากอนามัยให้กับกลุ่มเป้าหมาย จะมอบให้ 1 ชิ้นต่อคนต่อวัน ครั้งละไม่เกิน 7 วัน โดยขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข มีหน้ากากอนามัยเพียงพอ ซึ่งมีคงคลัง คือ
1.หน้ากากอนามัยใช้แล้วทิ้ง Surgical Mask จำนวน 7,383,880 ชิ้น โดยถือว่าเพียงพอ เพราะอัตราการใช้ต่อเดือนทั่วประเทศ 3,333,473 ชิ้น และมีอัตรากำลังการผลิตเพียงพอ ซึ่งไม่น้อยกว่า 489,000 ชิ้นต่อวัน หรือ ประมาณ 10 ล้านชิ้นต่อเดือน
2.หน้ากากกรองอากาศ ชนิด N95 จำนวน 603,026 ชิ้น ซึ่งถือว่า เพียงพอ เพราะอัตราการใช้ต่อเดือนทั่วประเทศ 172,905 ชิ้น และมีอัตรากำลังการผลิตเพียงพอ 240,000 ชิ้นต่อเดือน
“ขอให้พี่น้องประชาชน ไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอ และจะขาดตลาด เพราะขณะนี้ สถานการณ์คงคลัง และอัตรากำลังการผลิตหน้ากากอนามัยภายในประเทศ ถือว่า เพียงพอ โดยหากพื้นที่จังหวัดใด มีค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน ก็ขอให้กลุ่มเป้าหมาย สามารถมาขอรับหน้ากากอนามัยได้ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.68 เป็นต้นไป ที่โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ซึ่งขอเน้นย้ำว่า ก่อนพี่น้องประชาชน จะออกนอกบ้านให้เช็คค่าฝุ่น PM 2.5 ในแอปพลิเคชั่นว่า เกินค่ามาตรฐานหรือไม่ โดยหากเกินก็ขอให้สวมใส่หน้ากากอนามัย พร้อมหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งด้วย เพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพ