
ล่ารายชื่อ ไม่เอากาสิโน ต้องประชามติ ซัดแรง! ประเทศนี้ไม่ใช่ของนักการเมือง
ประชาชนเดินหน้าล่า 50,000 ชื่อ "ไม่เอากาสิโน ต้องประชามติ" นักวิชาการชี้ไม่ได้หาเสียงไว้ทำเลยไม่ได้ ต้องให้ประชาชนตัดสินใจ ซัดแรง! ประเทศนี้ไม่ใช่ของนักการเมือง
ในวันที่วันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมามีการจัดแถลงข่าวประชาชนแถลงเดินหน้าล่า 50,000 ชื่อ “ไม่เอากาสิโน ต้องประชามติ” ให้ประชาชนตัดสินใจ มีนักวิชาการ ประชาชนสาขาอาชีพต่าง ๆ นิสิตนักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง และสื่อมวลชนเข้าร่วมราวหนึ่งร้อยคน โดยทางด้าน รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล นักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องมีประชามติมี 2 ประการ คือ หนึ่ง ในการเลือกตั้งปี 2566 ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดชูนโยบายกาสิโน หรือพนันออนไลน์ถูกกฎหมายในการหาเสียง สอง ตามพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ทุกพรรคการเมืองจะต้องรายงานนโยบายที่ต้องใช้งบประมาณต่อกกต. ซึ่งปรากฎว่าไม่มีพรรคใดการรายงานเรื่องนี้ การเห็นชอบให้มีกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมายจึงเป็นการแสดงถึงความไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชน ไม่เคารพเสียงของประชานที่เลือกท่านมา นโยบายนี้จึงผิดต่อหลักนิติรัฐนิติธรรม รัฐบาลต้องยกเลิกแม้ได้อนุมัติหลักการไปแล้วก็ตาม
แต่หากรัฐบาลต้องการจะเดินหน้าต่อ นโยบายนี้เกี่ยวข้องกับอบายมุข ซึ่งสามารถก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างรุนแรงต่อประเทศชาติและประชาชน รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องให้ประชาชนร่วมตัดสินใจ ถึงแม้การทำประชามติอาจต้องใช้งบประมาณมากกว่า 3 พันล้าน แต่ก็คุ้มค่า เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกาสิโนจะมีมากกว่าหลายเท่า” รศ.ดร.ชิดตะวันกล่าว
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ชี้แจงว่า การขอทำประชามติโดยประชาชนเป็นสิ่งที่ทำได้ ตามพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 ให้สิทธิประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถรวบรวม 50,000 รายชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้จัดทำประชามติ เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายของประชาชนที่รัฐบาลจะปฏิเสธไม่ได้ หัวเรื่องการขอทำประชามติ คือ “ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่กับการเพิ่มแหล่งพนันในสังคมโดยนโยบายรัฐบาล” ซึ่งครอบคลุมทั้งกาสิโน พนันออนไลน์ หรืออื่น ๆ สุดแท้แต่ที่ผู้กำหนดนโยบายอาจมีความปรารถนาจะใช้อำนาจทางการเมืองผลักดันให้เกิดในอนาคต การจะเพิ่มแหล่งพนันโดยใช้นโยบายรัฐบาลเป็นเครื่องมือ ไม่ว่าจะโดยการบัญญัติกฎหมายฉบับใหม่ การแก้กฎหมายฉบับเดิม หรือการออกเป็นกฎหมายระดับรอง เป็นการย้อนแย้งในการแสดงบทบาทหน้าที่ของรัฐ เพราะรัฐพึงเป็นผู้ควบคุมการพนัน มากกว่าเป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุนและกลับกลายเป็นผู้เพิ่มเติมอบายมุขในสังคมด้วยตนเอง ในทางกลับกันรัฐพึงคิดทำให้กฎหมายที่ควบคุมการพนันมีความแข็งแรง บนหลักการ “ทำกฎหมายให้ใหญ่ จำกัดพนันให้เล็ก” ซึ่งดูจะสวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังพยายามทำอยู่ในปัจจุบัน
นางณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ หรือ “เอ๋ ออกซิเจนคนจน” กล่าวว่า ประเทศนี้ไม่ใช่ประเทศของนักการเมือง ในการแถลงนโยบายหาเสียง ท่านไม่ได้พูดถึงการพนันถูกกฎหมาย ท่านไม่ได้ถามประชาชนว่า เราต้องการหรือไม่ ท่านอ้างว่าประชาพิจารณ์แล้ว ได้รับฟังจากคนสี่พันกว่าคนแล้ว ท่านทำอะไรทำเมื่อไร ชาวบ้าน ไม่รู้เรื่องนี้ และที่รัฐมนตรีท่านหนึ่งออกมาพูดว่า ไม่จำเป็นต้องจัดการรับฟังความเห็นประชาชนอีกแล้ว คำพูดของท่านนั้นเหยียบประชาชน เป็นนักการเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชน
“ตนขอเป็นเสียงให้กับประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ต้องการเรื่องนี้ เราไม่ต้องการให้มอมเมาคนรุ่นลูก คนรุ่นพวกเราอาจจะอยู่อีกไม่นาน แต่ลูกหลานที่กำลังเติบโต อะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเขา อาจจะเกิดการตีหัวพ่อ บีบคอแม่ ทำร้ายยายจากนโยบายนี้อยากบอกว่าประเทศไทยไม่ใช่ของนักการเมือง ประเทศไทยเป็นของประชาชน ที่ผ่านมาบรรพบุรุษของเราไม่มีใครเอากาสิโน ถ้ารัฐบาลอยากให้มีก็ต้องให้พวกเรามีสิทธิเลือกเอง ประเทศไทยมีสิ่งดีๆ มากมายที่รัฐจะใช้ในการพัฒนาประเทศโดยไม่ต้องใช้กาสิโน ฉะนั้น เรื่องนี้ควรต้องมีประชามติให้ประชาชนตัดสินใจ หากเสียงประชามติที่ไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนออกมามีน้อยกว่าฝ่ายที่เห็นด้วย เราก็จะยอมรับ” เอ๋ ออกซิเจนคนจนกล่าว
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเป็น 50,000 ชื่อเพื่อเสนอให้ครม.จัดทำประชามติ ขอเป็นเพียงผู้มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งเกินกว่า 90 วัน ไม่เป็นนักบวช ไม่เป็นผู้ต้องคดีผู้ต้องขัง ไม่เป็นผู้วิกลจริต วิธีการมีส่วนร่วมเป็น 50,000 รายชื่อ ทำได้ ดังนี้
1.ดาวน์โหลดแบบฟอร์มการลงชื่อที่เว็บไซต์ของ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน หรือจากภาคีเครือข่ายกว่า 200 องค์กรที่กระจายอยู่ในทุกจังหวัด
2. กรอกชื่อนามสกุล รหัสประจำตัว 13 หลัก และลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มดังกล่าว ทั้งนี้ ไม่สามารถกระทำทางออนไลน์ได้
3. เสร็จแล้วส่งไปรษณีย์มายังมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน หรือองค์กรเครือข่ายในจังหวัด
4.เมื่อได้รายชื่อได้ครบ 50,000 แล้วจึงนำส่งให้กกต.ตรวจสอบความถูกต้องภายใน 30 วัน จากนั้นกกต.จะส่งเรื่องต่อสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอต่อครม.เพื่อกำหนดวันลงประชามติต่อไป
“ปฏิบัติการครั้งนี้อาจมีเวลาไม่มาก จึงต้องการความร่วมมืออย่างยิ่งจากประชาชน เพื่อแสดงให้รัฐบาลเห็นว่าเสียงของประชาชนคือเสียงที่จะปฏิเสธไม่ได้ และปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อประชาชนขอใช้สิทธิ์ รัฐบาลต้องเคารพ และคงไม่มีการใช้อำนาจโดยมิชอบใด ๆ เพื่อสร้างอุปสรรคต่อการแสดงสิทธิ์ที่ประชาชนร้องขอในครั้งนี้” เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าว