รู้ยัง "ไม้ยืนต้น" ใช้ค้ำเงินกู้ได้แล้ว เพิ่มทางเลือกหลักประกันทางธุรกิจ
รัฐบาลเดินหน้าช่วยเกษตรกร-SME ประกาศใช้ "ไม้ยืนต้น" ค้ำประกัน นำเงินทุนไปต่อยอดธุรกิจได้เร็วขึ้น ล่าสุดมีผู้ค้ำแล้ววงเงินกว่า 185 ล้านบาท
5 ก.พ. 2567 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตกลงความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบ Host to Host ซึ่งจะช่วยรับส่งข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กับ ธ.ก.ส. ได้สะดวก รวดเร็ว และแม่นยำขึ้น และช่วยให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ SME นำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ได้เงินทุนไปต่อยอดธุรกิจได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ จะร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิชาการ ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และบุคคลทั่วไป มีความรู้เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ ปลูกป่า และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน รวมถึงการนำไม้ยืนต้นมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่อไป
สำหรับทรัพย์สินที่สามารถนำมาเป็นหลักประกัน ตามกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ได้แก่
- กิจการ เช่น ร้านอาหารเคลื่อนที่ (ฟู้ดทรัค)
- สิทธิเรียกร้อง เช่น สิทธิในเงินฝาก
- สังหาริมทรัพย์ที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร
- อสังหาริมทรัพย์ในกรณีที่ผู้ให้หลักประกันประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง เช่น คอนโดมิเนียม
- ทรัพย์สินทางปัญญา เช่น เครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์
- ทรัพย์สินอื่น ได้แก่ ไม้ยืนต้น
ปัจจุบัน ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2567 สถาบันการเงินมีการจดทะเบียนรับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันแล้วจำนวน 167,302 ต้น วงเงินหลักประกันกว่า 185 ล้านบาท และเฉพาะ ธ.ก.ส. ซึ่งเป็นธนาคารแห่งแรกที่รับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ได้รับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันแล้ว จำนวน 1,520 ต้น วงเงินหลักประกันมากกว่า 10 ล้านบาท
นายคารม กล่าวว่า การใช้ไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เกษตรกรและผู้ประกอบการ SME สามารถนำไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมาเป็นหลักประกันการขอสินเชื่อได้โดยไม่ต้องตัดต้นไม้ และยังสามารถสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นในอนาคต จากการเติบโตของต้นไม้ รวมทั้งเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนเครดิต สอดรับกับการพัฒนาธุรกิจของไทยสู่อนาคตที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับการสร้างเศรษฐกิจสีเขียว