ข่าว

โกยเถอะโยม! เจ้าอาวาสวัดดัง ล่องหนกลางดึก หลังภาพหลุดแนบชิดสีกา อ้างตัดต่อ

โกยเถอะโยม! เจ้าอาวาสวัดดัง ล่องหนกลางดึก หลังภาพหลุดแนบชิดสีกา อ้างตัดต่อ

12 ก.พ. 2568

เจ้าอาวาสวัดดัง มีภาพหลุด แต่งตัวเป็นคนธรรมดาถ่ายรูปคู่กับสีกา ไวยาวัจกรโทรหา อ้างมีพระผู้ใหญ่ให้หลบไปก่อน เพราะจะเกิดเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิง มีมือดีตัดต่อภาพ

12 ก.พ. 2568 กรณีเพจ Facebook ชื่อ ”อีซ้อขยี้ข่าว“ โพสต์ภาพชายหญิงคู่หนึ่ง พร้อมกับภาพพระสงฆ์มีสีกานั่งอยู่พื้น ซึ่งระบุว่าเป็นคนเดียวกัน พร้อมข้อความระบุว่า “เจ้าอาวาสวัดนึงใน จ.ขอนแก่น กลางวันอยู่วัด กลางคืนควงสาวเข้ารีสอร์ท“ 

 

ภายหลังเพจอีซ้อขยี้ข่าว เผยแพร่โพสต์ดังกล่าวทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบดำเนินการตามวินัยสงฆ์ แล้วเรื่องดังกล่าวกลายเป็นเหตุการณ์วิพากษ์วิจารณ์ออกไปเป็นจำนวนมากรับวันพระใหญ่มาฆบูชา 

 

โกยเถอะโยม! เจ้าอาวาสวัดดัง ล่องหนกลางดึก หลังภาพหลุดแนบชิดสีกา อ้างตัดต่อ

 

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่วัดจำปา ตำบลบ้านลาน อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งพบผู้นำชุมชนและชาวบ้าน กำลังนั่งพูดคุยวิพากย์วิจารณ์กันถึงภาพดังกล่าวที่ปรากฏในสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นพระครูพิศาลจันโทภาส เจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ และต่อมามีนายวรรลพ วลัยศรี ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านไผ่ พร้อมด้วยปลัดป้องกันอำเภอบ้านไผ่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 และหมู่ 12 ลงพื้นที่มาตรวจสอบภายหลังจากมีภาพปรากฏ 

 

จากการตรวจสอบพบว่าที่กุฎิเจ้าอาวาสมีการล็อกกุญแจจากด้านนอก ปิดประตูหน้าต่างมิดชิดทุกบาน และจากการส่องสำรวจภายในกุฎิตรงบานเกร็ดหน้าต่างที่มีการเปิดออกพบว่าภายในกุฎิสภาพรก มีข้าวของวางกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น และมีเต็นท์เดี่ยวอยู่หนึ่งหลัง ซึ่งทางไวยาวัจกรวัดให้ข้อมูลว่าเจ้าอาวาสไม่ชอบทำความสะอาดและเวลาจำวัดจะอยู่ภายในเต็นท์เดี่ยวหลังนี้ 

นอกจากนี้ยังทราบว่าเจ้าอาวาสได้ขับรถกระบะส่วนตัวออกจากวัดไปตั้งแต่เมื่อคืนกลางดึกที่ผ่านมา ขณะที่ชาวบ้านและผู้นำชุมชนนอนเฝ้าข้าวเพื่อที่จะจัดงานบุญกุ้มข้าวภายในวัด จนกระทั่งช่วงเช้าซึ่งเจ้าอาวาสจะต้องมาเป็นผู้นำสวดมนต์ แต่ก็ไม่กลับมาแต่อย่างใด 

 

นายบุญจันทร์ สุทธิ อายุ 78 ปี ไวยาวัจกรวัดจำปา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนที่เจ้าอาวาสจะหายตัวออกจากวัดไปนั้น ตนเองพร้อมทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านได้เตรียมจัดงานบุญกุ้มข้าว พร้อมทั้งได้นอนเฝ้าข้าวอยู่ภายในวัด ช่วงประมาณเที่ยงคืน เจ้าอาวาสได้ขับรถยนต์กระบะสีขาวส่วนตัวออกจากวัดไปโดยที่ไม่ได้บอกกับใครว่าไปทำอะไร กระทั่งช่วงเช้าซึ่งเจ้าอาวาสจะต้องมาเป็นผู้นำสวดเนื่องในวันมาฆบูชา โดยมีญาติโยมมาทำบุญแน่นวัด 

 

ขณะนั้นตนเองกำลังจัดเตรียมงานอยู่ภายในวัดได้ยินเสียงชาวบ้านเฮร้องขึ้นแต่ตอนนั้นก็ยังไม่ทราบว่าคืออะไรยังคงจัดเตรียมงานต่อไป โดยมาทราบภายหลังว่าชาวบ้านกำลังดูรูปภาพที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลเป็นภาพเจ้าอาวาสกับผู้หญิงถ่ายรูปคู่กัน พอซักพักเจ้าอาวาสไม่กลับมาที่วัดตนเองจึงโทรศัพท์ไปหา เจ้าอาวาสบอกว่าหนี ถ้าอยู่ก็จะโวยวาย เพราะมีอาจารย์โทรมาบอกเมื่อคืนว่าให้หลบหนีไปก่อน เพราะตอนเช้าจะมีเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิง ให้หลบไปก่อน ตอนนี้หลบมาอยู่ที่ปลอดภัยแล้ว 

พร้อมทั้งยังบอกอีกว่า ผู้หญิงในภาพเป็นคน อ.ชนบท ทำงานที่ อบต. เป็นลูกผู้ใหญ่บ้าน จะเอาเรื่องคนที่ตัดต่อภาพนี้ออกมา และเจ้าอาวาสเองก็บอกจะเอาเรื่องด้วยเหมือนกัน กับคนที่ตัดต่อภาพนี้เผยแพร่ออกมาสร้างความเสียหาย และสุดท้ายบอกกับตนเองว่า จะกลับมาตอนที่เคลียร์เรื่องนี้กับเจ้าคณะจังหวัด กรมศาสนา สำนักพุทธ เรียบร้อยแล้วจะกลับมา ให้ใจเย็นๆไว้ อย่าตื่นเต้นเดือดร้อน เจ้าอาวาสจะจัดการเอง ก่อนจะวางสายไป 

 

ไวยาวัจกร บอกอีกว่า ในวัดเจ้าอาวาสไม่เคยมีเรื่องผู้หญิง เจ้าอาวาสเป็นพระนักเทศน์ จะออกไปเทศน์ข้างนอกตลอด ปีละ 200-300 งาน มีคนมาขับพาไป มีขับไปเองบ้าง ไปอำเภอไปทำธุระ ซ่อมเครื่องเสียง ซ่อมตู้ลำโพง รวมทั้งทำตู้ลำโพงขายในเวลาว่าง ข้างๆกุฏิ โดยจะมีคนมารับเอาที่วัด และที่ผ่านมาเจ้าอาวาสเป็นพระนักเทศน์นักปฏิบัติจนได้รับพัตรยศ เป็นพระครูเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2562 ซึ่งเวลาที่อยู่ในวัดก็ปฏิบัติธรรมเทศนาตามปกติแต่เวลาออกไปข้างนอกเราก็ไม่ทราบว่าเจ้าอาวาสจะไปทำกับใครที่ไหนบ้าง 

 

ด้านนายสุทธิพงศ์ พลชามาตร์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.12 เปิดเผยว่า ตนเองในฐานะผู้ใหญ่บ้าน หลังมีเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกมาก็ได้ทำการตรวจสอบ ซึ่งเบื้องต้นการตรวจสอบนั้นก็ยังไม่สามารถชี้ชัดฟันธงได้ทีเดียวว่าเป็นเจ้าอาวาสกับสีกาทำเรื่องเสื่อมเสีย เพราะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ในมุมมองเบื้องต้นก็พบว่าในภาพเหมือนจะเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าอาวาสรูปนี้อยู่ที่วัดมากกว่า 20 ปีแล้ว และเป็นพระนักเทศน์ ซึ่งก็เป็นปกติของพระนักเทศน์ที่จะเดินสายไปเทศน์ตามที่ต่างๆ และจะมีคนขับรถให้เจ้าอาวาส

 

แต่ช่วงหลังๆนี้เจ้าอาวาสมักจะขับรถยนต์ไปคนเดียว ซึ่งเราก็จะไม่ทราบว่าท่านไปไหนหรือไปทำอะไรหรือไปเทศน์ที่ไหนอย่างไร แต่เมื่อช่วง 8 ปีก่อนเคยมีเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงในภาพกับเจ้าอาวาสมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นทางเจ้าอาวาสบอกว่าเป็นญาติกัน และก็เงียบไปจึงคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์

 

ล่าสุดนี้ ขณะที่นายวรรลพ วลัยศรี ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านไผ่ ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบว่า เบื้องต้นนั้นลงพื้นที่มาตรวจสอบไม่พบตัวเจ้าอาวาส คาดว่าจะรู้ตัวและหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวนั้นเชื่อได้ว่าจะเป็นจริง เพราะหลังจากมีภาพดังกล่าวหลุดออกมาทางเจ้าอาวาสก็ได้ออกจากวัดไปทันที 

 

โดยหลังจากนี้ก็จะส่งเรื่องประสานไปทางเจ้าคณะอำเภอ ให้ทราบเพื่อให้ดำเนินการตามวินัยของสงฆ์ต่อไป โดยในส่วนของฝ่ายปกครองนั้นไม่ได้นิ่งนอนใจเมื่อทราบเหตุก็ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับชาวบ้านถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีความเป็นห่วงในเรื่องของศรัทธาจากชาวบ้าน กับพระพุทธศาสนา และเชื่อว่าหากเจ้าอาวาสกลับมาชาวบ้านก็คงไม่ต้องการให้อยู่ที่วัดแล้ว ซึ่งก็ต้องเป็นในส่วนของทางคณะสงฆ์เป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป