ไทยคุม! แรงงานต่างด้าว บังคับตรวจโรคต้องห้าม ฝ่าฝืน!โดนส่งกลับประเทศ | คมชัดลึก

 

นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยข้อมูลกฎหมายการขอใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย ระบุว่า "การตรวจหาโรคต้องห้าม และการทำประกันสุขภาพ เป็นหลักเกณฑ์ที่แรงงานต่างด้าว ทั้ง 4 สัญชาติต้องปฏิบัติตาม  หากไม่ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ย่อมไม่สามารถทำงานในประเทศไทย หากไม่ปฏิบัติและลักลอบทำงาน จะกลายเป็นแรงงานเถื่อน ต้องดำเนินการตามกฎหมาย คือ ผลักดันออกนอกประเทศ"

 

 

 

ซึ่งต้องมีการตรวจสุขภาพ และมีประกันสุขภาพทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันแรงานเมียนมามีจำนวนมากที่สุดประมาณ  1.7 -1.8 ล้านคน ส่วนกัมพูชามีประมาณ 2-3 แสนคน ลาวมี 6-7 หมื่นคน และเวียดนามหลักพันคน

“การตรวจสุขภาพ  เป็นเรื่องสำคัญมากทางด้านการป้องกันโรคทางสาธารณสุข  เป็นหลักเกณฑ์ที่ถูกกำหนดตามกฎกระทรวงแรงงาน ว่าด้วยโรคต้องห้าม 6 โรค  ที่แรงงานทุกสัญชาติต้องทำ เพื่อนำใบรับรองแพทย์ มาขอใบอนุญาตทำงาน โดยการตรวจสุขภาพจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพจากสถานพยาบาลที่กรมการจัดหางานกำหนด ในการออกใบรับรองแพทย์ยืนยันไม่เป็นโรคต้องห้าม 6 โรค  คือ โรคเรื้อน วัณโรค โรคเท้าช้าง โรคติดยาเสพติดให้โทษ พิษสุราเรื้อรัง และโรคซิฟิลิส” นายสมชาย กล่าวย้ำความสำคัญ

 

 

 

 

ซื้อประกันสุขภาพ รพ.รัฐ

ที่สำคัญขณะที่ทำงานในประเทศไทย ต้องมีหลักประกันด้านสุขภาพ ซึ่งมีหลายส่วน หากเป็นแรงงานที่ทำงานในกิจการที่อยู่ในระบบประกันสังคม เช่น โรงงานต่างๆ เมื่อมีการจ่ายสมทบก็จะเข้าสู่ประกันสังคม แต่ช่วง 3 เดือนแรกก่อนเข้าสู่ระบบประกันสังคม จำเป็นต้องมีการทำประกันสุขภาพก่อน

 

ไม่มีประกันสุขภาพ ไม่ตรวจโรค จัดเป็นแรงงานเถื่อน

ไม่มีโทษทางอาญา  แต่หากไม่ดำเนินการครบขั้นตอน แรงงานกลุ่มนี้จะไม่ได้รับการผ่อนผันให้ทำงานในประเทศไทย เราจะไม่อนุญาตให้ทำงานและอยู่ในประเทศไทย แรงงานกลุ่มนี้ก็จะเป็นแรงงานเถื่อน ซึ่งต้องดำเนินการตามกฎหมาย คือ ผลักดันออกนอกประเทศ ส่วนนายจ้างหากไม่ดำเนินการครบขั้นตอน และยังจ้างอยู่ ก็จะมีความผิดว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เช่น รับคนทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาทต่อการจ้างคนต่างด้าว 1 คน และหากแรงงานยังทำงาน หลบหนีไม่ยอมกลับออกนอกประเทศ ก็จะมีความผิดปรับตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท นี่คือมาตรการที่กฎหมายวางไว้

 

 

 

ที่มาข้อมูล www.hfocus.org