ข่าว

พรรคไทยสร้างไทย สะกิดรัฐบาล ทบทวนแจกเงินดิจิทัลวัยรุ่น 16-20

พรรคไทยสร้างไทย สะกิดรัฐบาล ทบทวนแจกเงินดิจิทัลวัยรุ่น 16-20

12 มี.ค. 2568

โฆษกพรรคไทยสร้างไทย จี้รัฐบาลทบทวนแจกเงินดิจิทัลเฟส 3 กระตุ้นเศรษฐกิจต่ำ แถมเงื่อนไขไม่แน่นอน จ่ายค่าเทอมเดี๋ยวได้เดี๋ยวไม่ได้

จากนโยบายแจกเงินดิจิทัลเฟส 3 ให้กับกลุ่มวัยรุ่นอายุ 16 - 20 ปี นายปริเยศ อังกูรกิตต โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ออกมาตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของมาตรการดังกล่าวในการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเตือนให้รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนเดินหน้าแจกจริง

 

โดยระบุว่า แม้การแจกเงินสด 10,000 บาทที่ผ่านมา ประชาชนจะพึงพอใจ แต่ในทางเศรษฐกิจกลับไม่ได้ส่งผลกระตุ้นที่มีนัยสำคัญ เศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมาเติบโตเพียง 2.5% ขณะที่งบประมาณที่ใช้ไปคิดเป็น 0.8% ของ GDP แต่กลับกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียง 0.3% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าความคุ้มค่าของเงินภาษีที่ใช้ไป

 

พรรคไทยสร้างไทย สะกิดรัฐบาล ทบทวนแจกเงินดิจิทัลวัยรุ่น 16-20

 

นายปริเยศ ตั้งข้อสังเกตว่า การแจกเงินรอบใหม่ที่จำกัดเฉพาะกลุ่มอายุ 16-20 ปี สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลอาจเผชิญปัญหาด้านงบประมาณหรือมีการปรับลดวงเงินโครงการ จึงต้องตั้งคำถามไปถึงผู้มีอำนาจว่า นโยบายนี้ทำเพื่อประชาชนจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาล

 

นอกจากนี้ยังมีความไม่แน่นอนในนโยบายภาครัฐ เช่น กรณีการจ่ายค่าเทอมของนักเรียนและนักศึกษา ที่รัฐบาลเคยประกาศว่าสามารถนำไปใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ แต่ต่อมากลับมีท่าทีไม่แน่นอน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ขาดความชัดเจน ทำให้ประชาชนสับสนและตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐบาล 

 

 

ขณะเดียวกันรัฐบาลกลับไม่สามารถควบคุมเรื่องการใช้เงินไปซื้อเหล้าและบุหรี่ของเยาวชนอายุ 16-20 ปี ที่ได้รับเงินจากโครงการแจกเงินดิจิทัล ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสังคมตามมา

 

 

นายปริเยศ กล่าวต่อว่า ข้อมูลที่ได้รับมาว่า ขณะนี้มีความเคลื่อนไหวของผู้มีอำนาจและกลุ่มทุนในการเตรียมออกเหรียญดิจิทัล ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับนโยบายแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า โครงการนี้อาจส่อว่าเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย โดยเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนหรือพวกพ้องมากกว่าการช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่

 

นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่า การออกเหรียญดิจิทัลอาจเปิดช่องให้เกิดการฟอกเงินได้ โดยการใช้กลไกของเงินดิจิทัล อาจทำให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่ไม่โปร่งใสและยากต่อการตรวจสอบ ซึ่งหากไม่มีมาตรการกำกับดูแลที่ชัดเจน อาจกลายเป็นช่องโหว่ให้เกิดการฟอกเงินผ่านระบบนี้โดยง่าย

 

"ขอให้สังคมจับตาอย่างใกล้ชิดว่าการออกเหรียญดิจิทัลนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน หรือเป็นการเปิดช่องให้มีการหาผลประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดิน หากมีข้อครหาหรือความไม่โปร่งใส อาจนำไปสู่การตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มทุน มากกว่าการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างแท้จริง" นายปริเยศ กล่าวทิ้งท้าย