ส่องเลขเด็ด เลขธูป "เจดีย์ธาตุดำ" อัศจรรย์น้ำผุด ชาวบ้านแห่ขอโชคลาภ | คมชัดลึก

31 มี.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ที่ วัดรังษี บ้านหัวเรือ ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม มีชาวบ้านแห่มาดูน้ำผุด ไหลออกมาจากเจดีย์บรรจุอัฐิพระครูดำ คมภีโร เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดรังสี ซึ่งไม่ทราบสาเหตุว่าน้ำไหลออกมาได้อย่างไร โดยชาวบ้าน ได้เอาไม้ไผ่มารองน้ำ และได้จัดหาโอ่งมาวาง จำนวน 30 ใบ เพื่อรองรับน้ำที่ไหลออกมาจากเจดีย์

ชาวบ้านมองว่าเป็นเรื่องหน้าแปลก ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มีก๊อกน้ำ ฝนไม่ได้ตก แต่มีน้ำไหลออกมาตลอดเรื่อยๆ ชาวบ้านจึงเชื่อว่าหลวงปู่มาให้พร ให้ร่มเย็น อยู่เย็นเป็นสุข ตอนนี้ชาวบ้านพากันแห่ไปตักมาเพื่อไว้อาบเป็นสิริมงคล และบางคนเอาขวดน้ำมาบรรจุน้ำกลับไปที่บ้าน ไปดื่มกิน และล้างหน้า พรมศีรษะเพื่อเป็นสิริมงคล และยิ่งใกล้วันหวยออก ชาวบ้านเชื่อว่าหลวงปู่มาให้โชคให้ลาภ เลยจุดธูปขอพร ได้เลขธูปออก 788 เตรียมนำไปเสี่ยงโชค งวด 1 เม.ย. 68
 

ด้าน นายเฉวียน ศรีชนะ ชาวบ้าน เปิดเผยว่า วัดแห่งนี้มีอายุ 131 ปี แล้ว มีหลวงปู่ดำเป็นผู้สร้างวัด และเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดรังษี พอท่านมรณภาพไป ก็ได้ทำเจดีย์ธาตุเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ท่าน ชาวบ้านจะเรียกว่าธาตุดำ เมื่อชำรุดทรุดโทรมก็ได้รวบรวมผ้าป่าสร้างเจดีย์ขาวมาคลุมธาตุดำ เมื่อปี 2550 ผ่านมา 18 ปี ไม่เคยมีน้ำผุดไหลออกมาจากเจดีย์ ชาวบ้านเห็นมาประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว และน้ำไหลจากที่สูงลงมา ทั้งที่ในวัดไม่มีน้ำประปา และใช้น้ำบาดาล

ชาวบ้านมองว่าปีนี้ที่จัดงานประเพณีวันสงกรานต์ในวันที่ 14 เม.ย. จึงได้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น เพราะหลวงพ่อมาให้พร มีน้ำไหลออกมาจากเจดีย์ธาตุ ชาวบ้านจึงได้แตกตื่น จนลือไปว่าน้ำที่ไหลออกมาจากเจดีย์นี้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ เหมือนน้ำมนต์จากหลวงปู่ ชาวบ้านก็นำไปรักษาคนที่เจ็บป่วย
 

สำหรับวัดรังษี ตั้งอยู่เลขที่ 80 บ้านหัวเรือ หมู่ที่ 4 ตำบลหัวเรือ อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เป็นวัดเก่า สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2437 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2440 ต่อมา กรมการศาสนา ได้มีหนังสือรับรองสภาพวัดรังษี ให้เป็นวัดโดยสมบูรณ์ ตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 วัดรังษี มีเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ 17 ตารางวา

จากประวัติหลวงพ่อยาคูดํา หรือหลวงพ่อธาตุดำ ลูกศิษย์มากมาย เป็นเกจิอาจารย์ ได้พาญาติโยมย้ายมาจาก บ้านเก่าแตงแซง มาสร้าง วัดรังษี ราวปี 2437 ท่านได้มรณภาพราวปี 2457 ชาวบ้านจึงได้สร้างเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ เจดีย์องค์เดิมได้ชํารุดทรุดโทรม จึงได้ทำการปฏิสังขรณ์ใหม่ ห่อหุ้มเจดีย์องค์เดิมไว้ข้างใน เมื่อ วันที 7 ธันวาคม 2549 เสร็จสิ้น วันที 10 มกราคม 2550