
"ดาบตำรวจ" เมาซิ่งเก๋ง ชน จยย. แม่-ลูก เสียชีวิต พ่อบาดเจ็บสาหัส
"ดาบตำรวจ" เมาซิ่งเก๋ง ชน จยย. แม่-ลูก เสียชีวิต เป่าแอลกอฮอล์ พุ่ง 177 พี่สาว เผย น้องเพิ่งเผชิญเหตุ แผ่นดินไหวกรุงเทพฯ กลับมาหาลูกได้ 3 วัน เกิดเรื่องเศร้า
จากกรณี "ดาบตำรวจอนุชา" สังกัด สภ.ระแงะ ขับรถเก๋งชนจักรยานยนต์ 3 พ่อแม่ลูก ในพื้นที่บ้านแกแม ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้ น.ส.นูรฮาฟีซา อายุ 23 ปี และ ด.ช.มูฮำหมัดชามิล อายุ 3 ขวบ เสียชีวิต ส่วนสามีของ น.ส.นูรฮาฟีซา ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 68 เวลาประมาณ 20.12 น.
หลังเกิดเหตุ ดาบตำรวจอนุชา ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลระแงะ และได้มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย พบปริมาณแอลกอฮอล์ สูงถึง 177 มิลลิกรรมเปอร์เซ็นต์
ความคืบหน้า 9 เม.ย. 2568 พ.ต.อ.ศุภชัช ยีหวังกอง ณ พัทลุง ผกก.สภ.ระแงะ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าตนได้ไปเข้าร่วมพิธีฝังศพ และร่วมละหมาดญะนาซะห์ รวมถึงได้มอบเงินสด จำนวน 10,000 บาท เพื่อช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตเบื้องต้น และให้ความมั่นใจญาติไม่ต้องห่วงเรื่องคดีความ เพราะหลังเกิดเหตุได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ด้าน ร.ต.อ.ปัญญรัตน์ พงศ์ชินฤทธิ์ รอง สว.(สอบสวน)สภ.ระแงะ เจ้าของคดี กล่าวว่า เบื้องต้นเตรียมแจ้งข้อหา ดาบตำรวจอนุชา "ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และขับรถในขณะมึนเมาสุรา, ขับรถประมาทหวาดเสียวเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน"
ซึ่ง ดาบตำรวจอนุชา ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายจุด ส่วนฝั่งสามีผู้เสียชีวิต ก็อาการสาหัส ตอนนี้ทั้งคู่รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลระแงะ ต้องรอให้อาการที่ดีขึ้นก่อน จึงจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียด ยืนยันว่า เคสนี้ทางเราดำเนินการเป็นกลางอยู่แล้ว ไม่ได้ช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดูกันตามพยานหลักฐาน
ด้าน น.ส.นูรฟามี พี่สาวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ปกติหลานอยู่กับแม่ตั้งแต่ 11 เดือน ส่วนพี่สาวกับสามี ขึ้นไปทำงานที่กรุงเทพฯ พอเริ่มทำงานที่กรุงเทพฯ ได้ 2 ปีกว่า ก็เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้น น้องสาวเลยตัดสินใจกลับมาอยู่บ้าน เพิ่งถึงบ้านเมื่อ 4 เม.ย. 68 น้องสาวเพิ่งได้อยู่กับลูกเต็มที่แค่ 3 วัน ก็มาเกิดอุบัติเหตุ ในวันที่ 7 ม.ค. 68
ส่วนเรื่องอุบัติเหตุเท่าที่ถามชาวบ้าน บอกว่า ตอนเกิดเหตุตำรวจไม่ได้เบรกทันที แต่ชนแล้วยังลากไปต่อ หากไม่มีฟุตปาธ น่าจะลากไปไกลกว่านี้อีก ซึ่งเมื่อวานนี้ ฝั่งพ่อของคู่กรณีได้ให้ค่าทำบุญ จำนวน 10,000 บาท หลังจากนั้นก็ไปเยี่ยมสามีของน้องสาว ที่โรงพยาบาลระแงะ