พระเครื่อง

ไพโรจน์ อมรอนุกูลกับ...ปาฏิหาริย์ของผงยาจินดามณีหลวงปู่เพิ่ม

ไพโรจน์ อมรอนุกูลกับ...ปาฏิหาริย์ของผงยาจินดามณีหลวงปู่เพิ่ม

28 ก.ย. 2556

ไพโรจน์ อมรอนุกูลกับ...ปาฏิหาริย์ของผงยาจินดามณีหลวงปู่เพิ่ม : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

               "เพ็ญ ท่าพระ" เป็นฉายานามในวงการพระเครื่องของ "นายไพโรจน์ อมรอนุกูล" ชื่อและนามสกุลนี้อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูของคนวงการพระเครื่อง แต่เมื่อ ๒๐ ปีก่อน ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในหมู่นักนิยมพระเครื่อง ด้วยเหตุที่ว่าเล่นพระได้ทุกหน้า สามารถตัดสินพระได้ทุกโต๊ะ แต่ที่ชำนาญ คือ พระเนื้อผง และกริ่งรูปหล่อ ปัจจุบันนี้ได้ผันตัวมาเป็นเจ้าของนิตยสาร "คู่มือซื้อขายพระเครื่อง" และเจ้าของ "www.prathat-amulet.com" ซึ่งจะมีใครสักอีกคนจะรู้ว่าเซียนพระท่านนี้ "จบคณะเภสัชกร จากมหาวิทยาลัยมหิดล"

               นายไพโรจน์ เล่าให้ฟังว่า สนใจเรื่องพระเครื่องมาตั้งแต่เรียนหนังสืออยู่โรงเรียนเตรียมอุดม ประมาณ พ.ศ.๒๕๑๔ พี่ชายเป็นเซลส์ขายของอยู่ต่างจังหวัด เมื่อมีเวลาว่างพี่ชายก็มักจะไปหาเช่าพระต่างๆ มาจำนวนมากๆ โดยเฉพาะพระที่มีชื่อเสียงในอดีตพี่ชายเช่ามาทุกวัด เมื่อมีเวลาว่างก็หยิบพระมาดู โดยอ่านจากตัวนังสือที่ปรากฏบนเหรียญซึ่งรู้เพียงว่าเป็นพระอะไร สร้างจากวัดไหนเท่านั้น ด้วยความอยากรู้จึงหาซื้อหนังสือพระเครื่องมาอ่าน เช่น ลานโพธิ์ ชาตรี อนุภาพพระเครื่อง และจักรวาลพระเครื่อง เป็นต้น

               เมื่อสอบเข้าได้ที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หลังเลิกเรียนก็จะขึ้นรถเมล์มาหาเช่าพระที่สนามพระวัดมหาธาตุ และสนามพระวัดราษฎร์ฯ สมัยนั้นพระหลวงพ่อปานมีราคาอยู่ในหลักสิบเท่านั้น ส่วนพระขึ้นชื่อว่าแพงที่สุดในราคาหลักหมื่นนั้นมีไม่ถึง ๕ องค์ พระคงลำพูน สภาพสวยๆ อยู่ในราคา ๑๕๐ บาทเท่านั้น และได้เช่าพระหลวงพ่อปานพิมพ์ขี่นกมาองค์หนึ่งเพียง ๓๐ บาทเท่านั้น

               หลังเรียนจบเภสัชศาสตร์ไม่ได้ทำงานเป็นเภสัชกรที่ไหน ช่วยแม่ทำงานอยู่ได้ระยะหนึ่งก็ออกมาเปิดร้านให้เช่าบูชาพระเครื่อง ซึ่งในอดีตการเปิดร้านขายพระเครื่องนอกจากไม่เป็นที่ยอมรับแล้วยังมีการต่อต้าน พร้อมกับคำสบประมาทว่า "ไม่มีอะทำแล้วหรือถึงต้องมาซื้อขายพระกิน" แต่ปัจจุบันนี้กลับกลายเป็นว่า "อาชีพซื้อขายพระเป็นอาชีพที่สังคมยอมรับ ใครๆ ก็อยากเล่นพระดูพระเป็น ที่สำคัญคือ ต้องมีความรู้ที่ต้องมีทั้พรสรรค์และพรแสวง"

               ในฐานะที่มีความรู้ทางวิทยาศสตร์ นายไพโรจน์ อธิบาย เรื่องปาฏิหาริย์และอำนาจพุทธคุณว่า พุทธคุณในองค์พระรวมทั้งเครื่องรางของขลังนั้นมีอยู่จริง เป็นพลังงานอย่างหนึ่ง วิทยาศาสตร์ยอมรับในเรื่องของพลัง แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถหาคำและอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าพลัง หรือพุทธคุณนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาเกิดปาฏิหาริย์กับตัวเองหลายครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ต้องเล่าให้ฟังว่า แม่ป่วยเป็นมะเร็งระบบทางเดินอาหารระยะสุดท้าย หมอที่รักษาเรียกไปคุยตรงๆ ว่า การรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันหมดวิธีการแล้วแม่จะมีอายุอยู่ได้ไม่นาน พร้อมกับแนะนำให้เอาแม่กลับไปรักษาตามวิถีความเชื่อ หรือวิธีไสยศาสตร์

               ระหว่างนั้นได้ออกแสวงหายาดีเพื่อนำทารักษาแม่ ใครว่ายาหม้อ ยาผีบอก รวมทั้งยาพระที่ไหนดีก็ไปเสาะหามาให้แม่กิน ทั้งนี้ มีคนพูดถึงคุณวิเศษและปาฏิหาริย์ของผงยาจินดามณี รักษาโรคได้ครอบจักรวาล เช่น แก้โรคจักษุ ๖ แก้ในจมูก ๓ ประการ ในลิ้น ๖ ประการ ในฟันในท้อง ๔ ประการ นอกจากนี้แล้วยังมีคติความเชื่อและคำบอกเล่าต่อๆ กันมาว่า หากแต่ถ้ายังไม่รับประทานก็นิยมพกพาติดตัวเพราะเชื่อว่ายาวาสนาจินดามณี ชื่อวาสนาเป็นชื่อที่มงคลแก่ตัวเองในปัจจุบันและได้บรรจุอาคมเข้าไปเพื่อช่วยรักษาโรคต่างๆ สารพัดโรค ตามแต่ผู้รับประทานจะอธิษฐานและช่วยในเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ

               "ผมไปได้เม็ดผงยาจินดามณีหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม มาประมาณ ๒๐๐ เม็ด ตอนนั้นซื้อมาในราคาเม็ดละ ๑๐๐ บาทเท่านั้น ก่อนจะให้แม่กินได้จุดธูปอธิษฐานจิตขอบารมีหลวงปู่เพิ่มให้แม้หายจากโรคที่เป็นอยู่ แล้วปาฏิหาริย์ก็มีอยู่จริง แม่หายจากโรคมะเร็ง มีชีวิตอยู่ได้อีก ๗ ปี" นายไพโรจน์ กล่าว