ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กับศรัทธาของประชาชน
แนวคิดการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) อย่างเป็นรูปธรรมของไทย ที่จะเปิดตัวเต็มรูปแบบไม่เกินวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562
ตามคำประกาศของ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กำลังถูกจับตาว่าการมีศูนย์ฯ นี้เพื่อ “ขานรับ” นโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่ต้องการพุ่งเป้าจัดการปัญหาและต้นตอข่าวปลอม หรือข่าวปล่อยทางการเมืองเป็นหลัก
ดังนั้น หนึ่งในโจทย์สำคัญของการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ที่กระทรวงดีอี เร่งขับเคลื่อนอยู่ คือ “การสร้างความยอมรับ” ในเรื่องมาตรฐานสากลในการ “ฟันธง” ว่า ข่าวใดที่เป็นข่าวปลอม
จึงเป็นที่มาของการเตรียมใช้แนวทางของ “เครือข่ายตรวจสอบข้อเท็จจริงนานาชาติ” (International Fact-Checking Network – IFCN) หนุนมาตรฐานศูนย์ฯ แห่งนี้สู่ระดับสากล
เพื่อสร้างความไว้วางใจ และแนวร่วมต้านข่าวปลอมจากประชาชนทั่วไป และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงความร่วมมือจากแพลตฟอร์มโซเชียลระดับโลก ทั้งกูเกิล เฟซบุ๊ก ยูทูบ และไลน์
“ให้แนวทางไปว่าการตั้งศูนย์ฯ ดังกล่าว ควรกำหนดหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบข่าวปลอมที่อิงอยู่กับมาตรฐานของ “เครือข่ายตรวจสอบข้อเท็จจริงนานาชาติ” (International Fact-Checking Network – IFCN)” ซึ่งได้กำหนด“ชุดหลักการ” (code of principles) ของเครือข่ายไว้ประมาณ 5 ข้อ
ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกที่มีการทำงานด้านต่อต้านและป้องกันข่าวปลอมใช้อยู่ ได้แก่ ยุโรป สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน เป็นต้น รวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลระดับโลกด้วย” นายพุทธิพงษ์กล่าว
IFCN สายตรวจข่าวปลอมออนไลน์
ไม่นานนี้ มีบทความในเว็บไซต์ The Momentum เขียนถึงที่มาของ IFCN ไว้อย่างน่าสนใจว่า เกิดจากการที่สื่อค่ายต่างๆ และองค์กรทั่วโลกที่เน้นการตรวจสอบข้อเท็จจริงหลายค่าย มารวมตัวกัน ริเริ่มโดย Poynter องค์กรสื่อชื่อดังในอเมริกา
เครือข่ายนี้มี “ชุดหลักการ” (code of principles) ของเครือข่าย เพื่อใช้ตรวจรับรององค์กรต่างๆ ที่มาสมัครเป็นสมาชิก ตามหลักการ 5 ข้อ ซึ่งทางผู้เขียนบทความดังกล่าว แสดงความเห็นว่า ชุดหลักการของ IFCN สามารถนำใช้เป็นรายการ “5 สิ่งที่ควรทำ” สำหรับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมของไทยได้เป็นอย่างดี ได้แก่
1.ยึดมั่นในความเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่การเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และเป็นธรรม 2.ยึดมั่นในความโปร่งใสของแหล่งข่าวและแหล่งข้อมูล 3.ยึดมั่นในความโปร่งใสของแหล่งทุนและโครงสร้างองค์กร และควรมีกลไกที่จะทำให้เชื่อมั่นได้ว่าแหล่งทุนนั้นๆ จะไม่มีอิทธิพลต่อข้อสรุปของการตรวจสอบข้อเท็จจริง
4.ยึดมั่นในความโปร่งใสของระเบียบวิธีที่ใช้ในการคัดเลือก วิจัย เขียน เรียบเรียง ตีพิมพ์ และแก้ไขการตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกกรณี และเปิดเผยอย่างโปร่งใส และ 5. ยึดมั่นในนโยบายแก้ไขข้อผิดพลาดที่เปิดเผยและซื่อสัตย์
เมื่อพิจารณาจากโครงสร้าง และชุดหลักการ (code of principles) ที่ถือปฏิบัติร่วมกันของเครือข่ายความร่วมมือในการทำงานตรวจสอบข่าวปลอมที่แพร่กระจายผ่านสื่อโซเชียลและสังคมคนออนไลน์แล้ว
คงไม่ผิดนักถ้าจะเปรียบบทบาทการทำงานของ IFCN ว่าเป็นเสมือน “สายตรวจข่าวปลอมออนไลน์” นั่นเอง อีกทั้งเป็นสายตรวจที่มีเครือข่ายการทำงานอยู่ทั่วโลกอีกด้วย