ไลฟ์สไตล์

เตือน นั่งเฝ้าหน้าจอนานๆ สุขภาพเสี่ยง

เตือน นั่งเฝ้าหน้าจอนานๆ สุขภาพเสี่ยง

27 ม.ค. 2563

เตือน นั่งเฝ้าหน้าจอนานๆ สุขภาพเสี่ยง คอลัมน์...  อินโนสเปซ โดย...  บัซซี่บล็อก

 

 

 


          รู้หรือไม่? นั่งเฝ้าหน้าจอนานๆ ใม่ว่าจะเป็นจอทีวี จอคอมพ์ หรือจอโทรศัพท์มือถือ เท่ากับเป็นการทำร้ายสุขภาพตัวเอง เป็นตัวจุดระเบิดทั้งโรคอ้วน เบาหวาน ไปจนถึงมะเร็ง รวมทั้งอาจลามไปถึงภาวะจิตตก หดหู่ ซึมเศร้าอีกด้วย

 

 

          โลกยุคปัจจุบันที่แทบทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวันของคนทุกช่วงวัย ถูกผูกติดกับหน้าจอด้วยความสะดวกสบายแค่ปลายนิ้ว ทำให้แต่ละวันเราก็นั่งติดอยู่กับที่เป็นจำนวนชั่วโมงที่นานขึ้นๆ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ มีการเปิดเผยข้อมูลผลการวิจัยที่ใช้เวลารวบรวมข้อมูลมาต่อเนื่องร่วม 15 ปี ในวารสารของสมาคมการแพทย์อเมริกัน (Journal of the American Medical Association) ระบุว่า จากการวิเคราะห์ฐานข้อมูลที่รวบรวมจากกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันกว่า 50,000 คน ครอบคลุมทั้งเด็ก วัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ ระหว่างปี 2544-2559 แต่ละคนใช้เวลาไปกับการนั่งอยู่กับที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะวัยรุ่นใช้เวลานั่งเกาะหน้าจอเฉลี่ยนานถึงวันละ 8 ชั่วโมง


          งานวิจัยชิ้นนี้ยังได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้คนทุกช่วงวัยในยุคนี้นั่งติดหน้าจอนานขึ้นๆ โดยไม่รู้ตัว ก็เนื่องมาจากการใช้งานคอมพิวเตอร์ หรือสื่อสารผ่านออนไลน์ นอกเหนือจากในเวลาทำงานหรือในห้องเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง


          “แนวโน้มนี้ไม่ได้กำลังเกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐ แต่เราพบบริบทเดียวกันนี้ทั้งในยุโรปและออสเตรเลียเช่นกัน” Lin Yang ผู้เชี่ยวชาญในสาขางานบริการสาธารณสุข และหนึ่งในผู้ทำงานวิจัยฉบับนี้กล่าว


          ข้อมูลนี้สอดคล้องกับที่ นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอีเอส) กล่าวระหว่างการประชาสัมพันธ์งานกิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศล “Digital Run2020” ว่าปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับเทคโนโลยีและหน้าจอมือถือ/แท็บเล็ตวันละนานๆ โดยไม่ทันตระหนักว่าจะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย รวมถึงเกิดผลเสียต่อพัฒนาการของเด็ก ซึ่งการนั่งอยู่กับที่เป็นระยะเวลานาน เป็นต้นเหตุของน้ำหนักเกิน และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) หลายโรค อาทิ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ

 



          ทั้งนี้เคยมีผลสํารวจจากนีลเส็น ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก พบว่าประชากรวัยผู้ใหญ่ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอโดยเฉลี่ยวันละประมาณ 11 ชั่วโมง ขณะที่ งานวิจัยจากนักวิชาการมหาวิทยาลัยคาลการี (Calgary) ประเทศแคนาดา ระบุว่า ทั้งผู้ใหญ่และเด็กมีแนวโน้มใช้เวลานั่งเกาะติดหน้าจอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปัจจัยด้านการทํางานและการเรียนก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้องใช้เวลากับหน้าจอคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือมือถือครั้งละนานๆ และละเลยการออกไปทํากิจกรรมกลางแจ้ง


          ด้าน Erin O’Loughlin นักจิตวิทยาด้านการออกกำลังกาย (exercise psychologist) มหาวิทยาลัยคอนคอร์เดีย มอนทรีออล ประเทศแคนาดา บอกว่า คนเรามีแนวโน้มที่จะคิดว่าตัวเองใช้เวลาไปกับการออกกำลังกายมากกว่าการนั่งอยู่กับที่ ดังนั้นจึงคิดกลยุทธ์เพื่อจูงให้เด็กและวัยรุ่นออกห่างจากหน้าจอ และออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งให้มากขึ้น โดยใช้วิดีโอเกมเป็นเครื่องมือ โดยเลือกใช้เกมประเภท “exergames” หรือเกมเกี่ยวกับการออกกำลังกาย เพื่อทำให้ผู้เล่นเกิดความสนุกและสนใจกับการเกาะติดข้อมูลการออกกำลังกายของตัวเองผ่านแอพได้อย่างง่ายดาย


          “การเล่นกีฬาหรือกิจกรรมกีฬาเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าคนเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเอง ก็คงไม่อยากทำ ดังนั้นเมื่อคนเพลิดเพลินกับการอยู่หน้าจอ เราก็เอาทั้งสองอย่างมาผสานเข้าด้วยกันเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวหรือขยับร่างกายด้วยการออกแบบเป็นวิดีโอเกมสำหรับให้พวกเขาเล่นกัน”


          Digital Run2020
          ส่งต่อสุขภาพดียุคดิจิทัล

          กระทรวงดิจิทัลฯ ชวนร่วมงาน “Digital Run 2020” ส่งต่อสุขภาพดียุคดิจิทัล โดยร่วมกับมูลนิธิพัฒนานวัตกรรมสุขภาพ เตรียมจัดงานเดิน-วิ่งการกุศล “Digital Run2020” ในวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม มุ่งหวังให้เป็นกิจกรรมส่งเสริมการออกกําลังกายแก่ประชาชนทุกกลุ่ม สร้างความตระหนักในการรักษาสุขภาพและเป็น เป็นเวทีประชาสัมพันธ์นวัตกรรมสุขภาพด้านการสื่อสารความรู้สุขภาพเฉพาะบุคคล (Health for You)


          โดยผู้สนใจสามารถสมัครเดิน-วิ่ง แบ่งเป็น 2 ระยะทาง ได้แก่ ระยะทาง 5 กม. และมินิมาราธอน ระยะทาง 10 กม.สําหรับบุคคลทั่วไป ค่าสมัคร 600 บาท และสําหรับผู้พิการทางการเคลื่อนไหวหรือร่างกาย (วีลแชร์) หรือผู้พิการทางการมองเห็น ไม่เสียค่าใช้จ่ายสามารถสมัครออนไลน์ ผ่านทาง race.thai.run/DIGITALRUN19 รายได้ส่วนหนึ่งจากกิจกรรมจะนําไปบริจาคให้มูลนิธิคนพิการไทย


          “หนึ่งในวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมครั้งนี้เพื่อสร้างความตื่นตัวเรื่องการออกกําลังกายมากขึ้น อีกทั้งการวิ่งเป็นการออกกําลังกายที่ทุกคนสามารถทําได้ง่ายๆ”