ข่าว

เปลี่ยน "ขยะพลาสติก" ให้เป็น "น้ำมันชีวภาพ" ด้วยนวัตกรรม "ไพโรไลซิส"

เปลี่ยน "ขยะพลาสติก" ให้เป็น "น้ำมันชีวภาพ" ด้วยนวัตกรรม "ไพโรไลซิส"

14 ก.ค. 2564

ทำความรู้จัก "ไพโรไลซิส" นวัตกรรมสุดล้ำ เปลี่ยน "ขยะพลาสติก" ให้เป็น "น้ำมันชีวภาพ" เชื้อเพลิงทางเลือกเพื่อรักษ์โลก

นวัตกรรมใหม่ล่าสุด เทคโนโลยี "ไพโรไลซิส" (Pyrolysis technologies) ที่เปลี่ยนแปลง ขยะพลาสติก ให้เป็น น้ำมันชีวภาพ ขั้นสูง (Advanced Bio-oil)

โดย คอร์สแอร์ กรุ๊ป (Corsair Group) บริษัทผู้พัฒนาโซลูชั่นธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีฐานการดำเนินการอยู่ในประเทศไทยและประเทศเนเธอร์แลนด์

 

"ไพโรไลซิส" คือโซลูชั่นใหม่เพื่อมาแก้ไขปัญหามลภาวะจากขยะพลาสติก มลพิษทางอากาศ และน้ำที่ทวีความรุนแรงและส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก

เปลี่ยน \"ขยะพลาสติก\" ให้เป็น \"น้ำมันชีวภาพ\" ด้วยนวัตกรรม \"ไพโรไลซิส\"

 

จากสถานการณ์ โควิด-19 ก่อให้เกิดมลภาวะจากขยะพลาสติกที่ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจาก คนทั่วโลกมีความจำเป็นและความต้องการซื้อหน้ากากอนามัย รวมถึงอุปกรณ์ในการดูแลป้องกันสุขภาพของตนเอง ส่งผลถึงการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก และพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย รายงานว่า สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ปริมาณขยะพลาสติกในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นถึง 60% โดยอัตราการผลิตพลาสติกรายปียังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในประเทศไทยเองมีการสร้างขยะพลาสติกปีละกว่า 2,000 ล้านกิโลกรัม มีการนำไปรีไซเคิลเพียงแค่ไม่ถึง 10% ตลอดจนรายงานการผลิตขยะพลาสติกทั่วโลกมากกว่าถึง 370 ล้านเมตริกตันต่อปี ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2050 ขยะพลาสติกกว่า 12 พันล้านตัน จะทับถมอยู่ในหลุมขยะฝังกลบและปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อมในธรรมชาติ

เปลี่ยน \"ขยะพลาสติก\" ให้เป็น \"น้ำมันชีวภาพ\" ด้วยนวัตกรรม \"ไพโรไลซิส\"

(เครื่องไพโรไลซิส)

การเปลี่ยนสภาพของ "ขยะพลาสติก" ให้กลับไปเป็น "น้ำมัน" ในรูปแบบของเหลว

- เริ่มจากกระบวนการลำเลียงขยะพลาสติกลงใน เครื่องนวัตกรรม ไพโรไลซิส (Pyrolysis Machine) ที่สามารถรองรับขยะพลาสติกได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นถุงพลาสติก พลาสติกห่อหุ้ม และบรรจุภัณฑ์พลาสติก (ซึ่งพลาสติกกลุ่มนี้หลังจากถูกใช้งานมักถูกทิ้งใส่หลุมฝังกลบ ทำให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งบนบกและในท้องทะเล)

- จากนั้นเครื่องจะให้ความร้อนต่อขยะพลาสติกที่ถูกใส่ไปเพื่อให้เกิดควันและก๊าซ เป็น "ก๊าซไวไฟ" ขั้นตอนนี้ไม่ใช่การเผาแต่เป็นการใช้ความร้อนเพื่อย่อยสลาย ไม่เกิดไอพิษลอยสู่ชั้นบรรยากาศ ก๊าซไวไฟ ที่ได้ในขั้นตอนนี้จะถูกรวบรวม นำไปใช้เพื่อสร้างความร้อนในขั้นตอนการแปรสภาพขยะพลาสติก

- ส่วนควันที่เกิดขึ้นจะลอยผ่านระบบกลั่นและเปลี่ยนเป็นของเหลว ซึ่งพลังงานหรือน้ำมันชีวภาพ ถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการนี้ 

- น้ำมันชีวภาพขั้นสูงบางส่วนที่ผลิตได้ยังหมุนเวียนนำกลับมาใช้เป็นแหล่งพลังงานให้กับเครื่องนวัตกรรมไพโรไลซิสได้อีกครั้ง ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากภายนอก

เปลี่ยน \"ขยะพลาสติก\" ให้เป็น \"น้ำมันชีวภาพ\" ด้วยนวัตกรรม \"ไพโรไลซิส\"

โรงงานรีไซเคิลขยะพลาสติกให้กลายเป็นน้ำมันของคอร์สแอร์ มีเนื้อที่ 6,400 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ใช้เทคโนโลยีไพโรไลซิส ที่สามารถเปลี่ยนขยะพลาสติกที่สร้างผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันกำมะถันต่ำหรือนำมันชีวภาพ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตราว 200,000 ลิตรต่อเดือน โดยโรงงานจะขยายเนื้อที่เพิ่มอีก 10,000 ตารางเมตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการผลิตให้ได้มากกว่า 1,000,000 ลิตรต่อเดือนในปี พ.ศ 2565

ทั้งนี้ในอนาคตคอร์สแอร์จะผลิตไฟฟ้าจากความร้อนของเครื่องจักรเหล่านี้ในตัวเอง เพื่อสร้างระบบนิเวศพลังงานที่เพียงพอสำหรับป้อนภายในโรงงาน

เปลี่ยน \"ขยะพลาสติก\" ให้เป็น \"น้ำมันชีวภาพ\" ด้วยนวัตกรรม \"ไพโรไลซิส\"

(ยูสซี เว็คโค ซาโลรานตา)

"ทุกวันนี้ขยะพลาสติกทุกประเภทที่ปรากฏอยู่รอบตัวเรา ทั้งในน้ำ อากาศ ตลอดจนบรรจุภัณฑ์อาหาร เราไม่สามารถหลีกเหลี่ยงปัญหามลภาวะจากขยะพลาสติกได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลต่อสุขภาพของตัวเราเอง หรือสิ่งแวดล้อมในธรรมชาติที่มีชีวิตทั้งสัตว์น้ำและสัตว์บกอีกด้วย เราในฐานะหน่วยงานภาคเอกชน ที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือสังคมให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีในทุก ๆ มิติ โดยเฉพาะอย่างการช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกจากทั่วโลกที่มนุษย์ต่างสร้างขึ้นมาและไม่มีการทำลายตามกระบวนการที่เหมาะสม นับว่าเป็นปัญหาที่ทั่วโลกต้องประสบ คอร์สแอร์จึงให้ความสำคัญในส่วนนี้พร้อมเดินหน้าสร้างภาคีเครือข่ายกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการสนับสนุนพันธกิจของประเทศและของโลกเพื่อสร้างโลกที่สะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพ ให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับอนาคตที่ดียิ่ง ๆ ขึ้น ๆ ไป"

นายยูสซี เว็คโค ซาโลรานตา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คอร์สแอร์ กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว